“สุวัจน์” มองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย หลัง โควิด19 ไทยเรามีโอกาสดีที่สุด โลกให้คำชมกับการจัดการ โควิด เราต้องต่อยอด ต้องทำให้นักท่องเที่ยว ปลอดภัย ต้องมีมาตรฐานการท่องเที่ยวใหม่ เชื่อมั่นว่าเราจะต้องเป็นศูนย์การท่องเที่ยวอาเซียนเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 เวลา 10.00 น.ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสมาคมการท่องเที่ยวอาเซียน(ASEANTA) ในประเด็นทิศทางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยกับอาเซียน หลังวิกฤติโควิด-19 จะเป็นอย่างไร?“ผมมองว่าท่ามกลางวิกฤต ย่อมมีโอกาส เป็นโอกาสของประเทศไทย คือ ความสำเร็จ ในเรื่องของการควบคุมโควิดได้ ถือว่าเราได้รับคำชมเชย จากทั่วโลก ว่าประเทศไทยมีการบริหารการจัดการที่ดี มีพื้นฐานของสาธารณสุขที่ดี มีความร่วมมือร่วมใจประชาชนคนในชาติที่ดี ทำให้เราพ้นเรื่องโควิดมาได้ ฉะนั้น ตอนนี้ เลยกลายมาเป็นจุดแข็งว่ามาเมืองไทยนี้ปลอดภัย มาเมืองไทยมีระบบสาธารณสุขที่ดี มาเมืองไทยแล้วไม่ต้องกลัวโรคนั้นโรคนี้ พื้นฐานที่เราดูแลเรื่องโควิดได้ก็เหมือนเราเอาวิกฤตมาเป็นโอกาส คือ จากนี้ไปประเทศไทยมีจุดแข็งเราก็ต้องมีการพัฒนาเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสาธารณสุข ให้เข้มแข็งต่อไป เพื่อเป็นการต่อยอดว่าเมืองไทยมีระบบสุขภาพ อนามัย สาธารณสุข และมีโครงสร้างพื้นฐานเข้มแข็ง เพื่อเป็นการรองรับพื้นฐานเศรษฐกิจ อย่าง BOI เราลดภาษีให้คุณมาลงทุน และต่อไปผมเชื่อว่านักลงทุนหรือนักท่องเที่ยวจะแห่มาประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยยังมีอนาคต เพราะไลฟ์สไตล์ผู้คนในโลกนี้เปลี่ยนไปให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพ การมีชีวิตที่ยืนยาว เรื่องการท่องเที่ยวมีความสำคัญในเรื่องเศรษฐกิจทุกประเทศ ตอนนี้หยิบเรื่องเศรษฐกิจมาเป็นอาเจนด้าที่สำคัญของแต่ละประเทศก็มีบุคลิก มีธรรมชาติ มีความงดงามที่เป็นวัฒนธรรมของแต่ละชาติที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น สิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกหยิบเรื่องการท่องเที่ยวก็เลยทำให้ชีวิตของผู้คนบนโลกนี้มีความสุขได้เห็นธรรมชาติ ได้เห็นวัฒนธรรม ที่แตกต่างกันไป นี่คือ เหตุผลที่การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มาแรงและเป็นผลดีต่อการพัฒนาของแต่ละประเทศโดยเฉพาะอาเซียน ผมถือว่าเป็นกลุ่มประเทศที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลายและอยู่ในยุทธศาสตร์ที่สำคัญของโลก”นายสุวัจน์ กล่าวและย้ำว่า ยุทธศาสตร์หนึ่งที่สำคัญในการพัฒนาประชาคมอาเซียน ที่มีประชากรมากกว่า 600,000,000 คน ให้ทุกคนมีความอยู่ดีกินดีแล้วถ้าเราสามารถเชื่อมโยงทุกประเทศอาเซียนให้เหมือนกับเป็นแผ่นดินเดียวกันมีภาษาการท่องเที่ยวเหมือนมียุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเหมือนกัน เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เข้าด้วยกันและสนับสนุนในเรื่องการเดินทางและมาตรการต่างๆก็จะทำให้อาเซียนเหมือนกับ EU แต่ EU เป็นกับประชาคมยุโรป แต่อาเซียนเป็นประชาคมของชาวอาเซียนด้านการท่องเที่ยวอันนี้ ผมคิดว่าจะเป็นอนาคตที่ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด ก็มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ยกตัวอย่าง ประเทศไทยเราเคยมีนักท่องเที่ยวปีที่แล้วเกือบ 40 ล้านคน ปีนี้อาจจะเหลือไม่ถึง 25% ก็เช่นเดียวกันกับทุกประเทศที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ทุกประเทศในอาเซียนต้องกลับมาทบทวนและวางยุทธศาสตร์กันใหม่ ถือว่าโควิดมาขัดจังหวะช่วงสั้นๆ อย่าพึ่งท้อถอย เราสามารถที่จะเป็นโอกาสได้ และโดยเฉพาะโอกาสของชาวอาเซียน หรือโอกาสของประเทศไทยผมเชื่อว่าจากนี้ไปพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวก็จะเปลี่ยนไป เรามักจะพูดคำว่า new normal คือ อะไร ทุกคนก็จะมี Social Distancing ทุกคนจะสั่งอาหารออนไลน์ ทุกคนจะ Work from home เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามเดือนที่เกิดโควิด และถ้าโควิดจบพฤติกรรมจะเปลี่ยนไปไหม เค้าเรียกว่า new normal ที่เห็นชัดก็คือว่าอะไรที่มันไม่แน่ก็จะสามารถเกิดขึ้นได้ ขณะที่ทุกคนกำลัง enjoy กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ไม่มีใครเคยคิดว่าจะมีเรื่องโควิดเกิดขึ้น ในเรื่องของโรคระบาด ฉะนั้น จากนี้ไปว่าสมมติปีหน้าเรื่องโควิดจบเราก็เชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ กิจกรรมทางการท่องเที่ยวจะกลับมาแต่จะกลับมาแบบไหน เพราะพฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ คือ นักท่องเที่ยวต้องถาม ว่าผมไปประเทศนี้ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บไหม ปลอดภัยจากโรคระบาดไหมคุณมีระบบสาธารณะสุข ระบบหมอแพทย์พยาบาล อุปกรณ์ต่างๆที่จะดูแลผมไหม ฉะนั้น ผมคิดว่าในเรื่องของ save สุขภาพเรื่องของอนามัย เรื่องสาธารณสุข เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บถ้าประเทศไหนสามารถพิสูจน์ได้ ประเทศนั้นมีโครงสร้างพื้นฐานมีความมั่นคงแข็งแรง ในเรื่องของการดูแลสาธารณสุขประเทศนั้นก็จะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว “ผมพูดอย่างนี้กำลังจะบอกว่าท่ามกลางวิกฤติเป็นโอกาสของชาวอาเซียน เพราะจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากทั่วโลกขนาดนี้ที่ตัวเลขผู้ประสบภัยในเรื่องของโควิดติดเชื้อ 8 ล้านกว่าคน เสียชีวิตประมาณ 5% ก็ประมาณ 4 แสนกว่าคน แต่ไปดูไซด์กลุ่มประชาคมอาเซียนมีสถิติต่ำที่สุด ประเทศไทยก็มีสถิติต่ำที่สุดมีติดเชื้อ 3 พันกว่าคน 50 กว่าคนที่เสียชีวิต ถ้ารวมทั้งอาเซียนผมถือว่าภูมิภาคนี้เป็นภูมิภาคที่มีความเข้มแข็งแข็งแรงในการต่อสู้กับโควิด สะท้อนให้เห็นว่าความเข้มแข็งทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสาธารณสุขของอาเซียนไม่ได้เป็นรองใครเลย นี่คือจุดแข็งนี่ คือ วิกฤติเป็นโอกาส จากนี้ไปเราสามารถที่จะสร้างจุดแข็ง คือ promote ให้เป็นจุดขายเหมือนระบบเป็น infrastructure ที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว ฉะนั้น ผมคิดว่าหลังโควิดแล้วถ้าเราได้ปรับตัวและพัฒนาจุดขายของเราให้เป็นตลาดที่เข้มแข็ง มีระบบสาธารณสุข เป็น Wellness center ของโลก และเป็น Medical hub ฉะนั้น ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงในอนาคตเราน่าจะเอาจุดแข็งของอาเซียน”สำหรับการท่องเที่ยวหัวหินนั้น สุวัจน์ มองว่า หัวหิน เป็นหนึ่งในโครงการ ไทยแลนด์ ริเวียร่า” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบนด้านอ่าวไทย โดยเลือกพื้นที่ตั้งแต่เพชรบุรี ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี ประจวบ ชุมพร ไปจนถึงระนองยาวประมาณ 400 กว่ากิโลเมตร เราเรียกโครงการนี้ ว่า ไทยแลนด์ ริเวียร่า หมายความว่าเราจะพัฒนาโครงการนี้ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความหรูหราและมีคุณภาพในความหลากหลาย เช่นเดียวกับ ริเวียร่า Riviera ของประเทศฝรั่งเศส – อิตาลี เราก็มาออกแบบจุดท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีบุคลิกแตกต่างกันไป เช่น เพชรบุรีก็จะเน้นเรื่องพระราชวังเก่า ชะอำ เป็นเมืองสนุกสนาน หัวหินก็เป็นเมือง celebrity เพราะมีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ประจวบเมืองสามอ่าว ชุมพรเมืองดำน้ำของโลกมีเกาะเต่า เกาะนางนวลที่ทั่วโลกรู้จัก ระนองเป็นเมืองน้ำแร่ เราสามารถสร้างบุคลิกของความแตกต่างของแต่ละเมืองของไทยแลนด์ ริเวียร่าและสร้างถนนเลาะชายหาดเชื่อมต่อการสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อรถยนต์ จะทำให้โครงการไทยแลนด์ ริเวียร่าเกิดขึ้นและส่งเสริมให้เอกชนมาลงทุนในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีการหยิบยกความสวยงามของธรรมชาติอุทยานต่างๆ สินค้า otop ต่างๆ ของแต่ละพื้นบ้านมาเป็นจุดขาย ซึ่งโครงการนี้ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเสนอให้หัวหิน เป็นเมืองหลักของโครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า “หัวหิน” มีชื่อเสียงเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นต้นของเอเซียนตั้ง 100 กว่าปี เปรียบเสมือนหัวหินเป็นเมือง Celebrities คือ เมืองแห่งความสุข มีบ้านของคนระดับสูง มีตลาดในเมืองหัวหิน มีอาหารอร่อย มีประวัติศาสตร์ จะเห็นได้ว่าหัวหินยังคงความงดงามของความเก่าแก่เอาไว้จนถึงปัจจุบัน มีโรงแรมที่มีที่พักทันสมัย มีการจัดแข่งขันกีฬาระดับโลก ฉะนั้น เมื่อรัฐบาลปลดล็อค ผมเชื่อว่าหัวหินคือสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีโอกาสในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นเมืองที่รักษาศักยภาพทางด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยฉะนั้น จากนี้ไปประเทศไทยต้องเอาจุดแข็งในเรื่องของเมืองไทยเป็นเมืองสุขภาพของโลก เมืองไทยเป็น wellness ของโลก และหัวหินสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของ product นั้น ถ้ารัฐบาลสามารถร่วมมือกับภาคเอกชนและดีไซน์ product ของการท่องเที่ยวให้แตกต่างกันไป จะเป็นการกระจายความเสี่ยงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้“วันนี้ผมว่าสถานการณ์โควิดที่เราจะต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างแรง ต้องหยิบเรื่องการท่องเที่ยวและโครงการไทยแลนด์ริเวียร่าที่สามารถตอบพฤติกรรม นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ ที่เรียกว่า new normal Thailand มาเป็นยุทธศาสตร์ แห่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ของอาเซียน “ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าว