“สุวัจน์”ฝากความหวังกับดรีมทีมเศรษฐกิจในการปรับ ครม.เร่งแก้ปัญหาคนตกงานเป็นเรื่องแรก เร่ง SME และผู้ประกอบการ ให้กลับมาเปิดกิจการให้เร็วที่สุดย ้าสูตรแก้เศรษฐกิจ “ต้องเร็ว แรง ตรงเป้า” แนะ RE DESIGN โครงสร้างภาษี ช่วยลดภาระประชาชนและธุรกิจ สร้าง NEW NORMAL ของเศรษฐกิจใหม่บนพื้นฐานของความเข้มแข็งของชาติ คือ เกษตรกรท่องเที่ยว และความน่าอยู่ของประเทศไทย เร่งสร้างโครงสร้างพืนฐานใหม่ด้านการเกษตรและท่องเที่ยวนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ให้สัมภาษณ์ รายการ Money Chat ที่หัวหิน ประเด็นเศรษฐกิจและการเมือง ในวันหยุดสบายๆ ที่หัวหิน โดยมองว่าการเมืองเป็นเรื่องส าคัญ เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การเมืองที่ไม่เรียบร้อยนักลงทุนก็กลัวหนี ผมเชื่อว่าขณะนี้คนไทยทั้งประเทศฝากความหวังไว้กับการเมือง กับบรรยากาศการปรับรัฐมนตรี ในขณะนี้ตอนนี้เราก็จะพูดถึงเรื่องโควิดท าให้เกิดนิว นอร์มอล ในเรื่องของการเมือง นิว นอร์มอลของไลฟ์สไตล์นิว นอร์มอล ในเรื่องเศรษฐกิจ แต่ก่อนจะเป็นนิว นอร์มอล เอาว่าประครองให้อยู่กันได้พี่น้องประชาชนเลยฝากความหวังว่า “การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ถ้าเปรียบว่าทุกคนลอยคออยู่กลางทะเล เพียงให้คนมาช่วยมีขอนไม้มาให้กอด ให้ความมั่นคง ก็ดีใจแล้ว ตอนนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ การลุ้น การเปิดโอกาสต่าง ๆ ว่าท่านนายกจะสามารถดึงคนดีๆ เข้ามาร่วมงานได้หรือไม่ ซึ่งอันนี้ก็ยังไม่ทราบ มีแต่ข่าวว่ามีคนนั้น มีคนนี้ ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่จะช่วยท่านนายกรัฐมนตรีได้ คือ ทุกคนต้องช่วยกันเสียสละ”วันนี พรรคชาติพัฒนามีวลี“ถอยเพื่อชาติ” ?ปัญหาของประเทศวันนี้ ต้องมีมืออาชีพมาแก้ไข พี่น้องประชาชนฝากความหวัง วันนี้จะหามืออาชีพที่ไหนมืออาชีพคือ คนที่เก่งเรื่องเศรษฐกิจรู้ว่าจะต้องจี้ที่จุดไหน แก้ปัญหาที่จุดไหน และตั้งใจที่จะเข้ามาช่วยประเทศซึ่งตอนนี้ถือว่าหายากจริง ๆ ผมว่าพอหาได้ เพียงแต่ว่าสภาพการเมืองบ้านเราตอนนี้ไม่ค่อย welcomeเพราะทุกคนจะรู้สึกว่าก็อยากจะช่วยประเทศ แต่ทุกคนที่เข้ามาแล้วรู้สึกว่าเปลืองตัว เพราะสภาพการเมืองตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ค่อยเรียบร้อย แค่ประกาศเปิดตัวเป็นนักการเมืองก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว พอมาเป็นการเมืองก็โดนตรวจสอบ ถูกกล่าวหานั้นนี้ เรียกว่า รอยขีดข่วนเต็มตัวไปหมด ทุกคนก็จะมีความรู้สึก“ทานอิ่ม แล้วอยู่เฉยๆ อย่าหาเรื่องใส่ตัว” แต่วันนี้มันไม่ได้ทุกคนต้องเสียสละ เพราะบ้านเมืองมีวิกฤต ถ้าเราเป็นคนเก่ง มีความสามารถเคยท างาน World Bank จบจากเมืองนอก เคยอยู่องค์กรระหว่างประเทศเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้คนไทยกว่า 60 ล้านคน กิจการอีกสิบๆ ล้านแห่ง คนงานอีก 6 - 7 ล้านคน ก าลังจะตกงาน“วันนี้ต้องเสียสละกัน เสียสละที่จะมาเป็น และเสียสละที่จะไม่เป็น พรรคชาติพัฒนาเสียสละที่จะไม่เป็นเพราะว่าเวลามีการปรับรัฐมนตรีทุกคนที่เข้ามาเล่นการเมืองก็อยากจะก้าวหน้าเป็น ส.ส. มาหลายสมัยก็อยากท างานให้พี่น้องประชาชน เป็นเกียรติด้วย เมื่อมาเป็น ส.ส. ก็ใฝ่ฝันว่าสักวันก็เป็นรัฐมนตรี และก็มีวัฒนธรรมทางการเมือง คุณเป็นแล้วหลายสมัย คุณก็จะได้เลื่อนชั้น ทุกคนก็อยากจะเป็นแต่ต าแหน่งมีน้อยในรัฐธรรมนูญ รัฐมนตรี มีได้ไม่เกิน 36 ท่าน แต่ ส.ส. มีได้ถึง 500 ท่าน ดังนั้น เวลาเลือกตั้งมาแล้วจัดรัฐบาลหรือปรับ ครม. ก็จะมีปัญหาเรื่องเก้าอี้ไม่พอ ฉะนั้น ก็มีการแย่งกันไปแย่งกันมา ทุกคนก็อยากได้มีโอกาสไม่ลงตัวก็เกิดแรงกระเพื่อม ท าให้เกิดรอยร้าว เกิดความไม่ลงตัว กระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาลพรรคชาติพัฒนาเรามองว่าเสียสละ 1 เก้าอี้ที่เรามีให้นายกฯไปเลย ท่านนายกฯ จะไปเชิญคนนอก มีความรู้ความสามารถ มาเป็นก็ได้ หรือท่านนายกฯจะเอามาจัดสรร ในระหว่างนักการเมือง เพื่อให้เกิดความลงตัวและไม่กระเพื่อม ไม่มีความแตกแยก อย่างน้อย เราก็จะได้เสถียรภาพของการเมืองที่มั่นคง นี้คือ เสียสละที่จะไม่เป็น”วันนี้ผมว่าการเสียสละที่จะเป็นส าคัญกว่าการเสียสละที่จะไม่เป็น เพราะวันนี้เราต้อง import คนนอกที่เก่งๆเข้าสู่ระบบการเมือง อย่างวันนี้เรารู้ว่าจะต้องประครองตัว ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในช่วงนี้ แล้วเข้าสู่ นิว นอร์มอล เราต้องการมือฉมัง มือเซียน เราก็พูดว่า “ดรีมทีมเศรษฐกิจ” พอพูดถึงการเมือง ไม่มีคน อยากเข้า ผมยังไม่แน่ใจเพราะยังไม่ได้ประกาศรายชื่อ ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านสามารถที่จะพูดคุย จากที่ท่านให้สัมภาษณ์ได้ชวนคนหลายคนแล้วเข้ามา แต่เค้าปฏิเสธ ฉะนั้น ท่านนายกฯ มีความตั้งใจว่า อยากได้คนดีๆ เข้ามาช่วยนักการเมืองบอกเสียสละเพื่อชาติ ท้าให้เกิดดรีมทีมเศรษฐกิจที่จะมาแก้ปัญหาไม่ได้เพราะมาจากต่างพรรคพี่น้องประชาชนตัดสินมาแล้ว พรรคนี้ได้กี่เสียงๆ พอมาจัดรัฐบาลเริ่มต้นต้องมาค านวณว่าได้มาเกินครึ่งหนึ่งปรากฏว่ามาเที่ยวนี้จัดกันมาแทบเป็นแทบตายหลายเดือน เกินครึ่งมาแค่ 4 เสียง รัฐบาลมี 254 เสียง ครึ่งหนึ่งก็ 250 จาก ส.ส. 500 นั้นเป็นการจัดรัฐบาลที่ยากล าบาก รัฐบาลก็ต้องพึ่งเสียงหลายๆ พรรค ดังนั้น ก็ต้องกระจายกระทรวงที่ส าคัญ ให้แต่ละพรรคได้รับผิดชอบตามสัดส่วนกัน มันก็เลยเป็นความยากล าบาก สมมุติเรามองกระทรวงเศรษฐกิจมีอะไรบ้างก็จะมีกระทรวงการคลัง คือ CFO ของประเทศ กระทรวงพาณิชย์ส่งออก กระทรวงพลังงานกับกระทรวงคมนาคม เป็นกระทรวงเศรษฐกิจด้านโลจิสติกส์ แต่ที่เป็นกระทรวงเศรษฐกิจจริง ๆ กระทรวงการคลัง นี้เป็นเศรษฐกิจจริง ๆ พาณิชย์ เป็นคนไปขาย การส่งออก อันนี้เป็นเศรษฐกิจจริง ๆ อย่างกระทรวงท่องเที่ยว เป็นเศรษฐกิจจริง ๆ กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องเอาคนมาลงทุนสร้างโรงงาน เป็นเศรษฐกิจจริง ๆ เวลามีการจัดรัฐบาล กระทรวงต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกจัดสรรอยู่ตามพรรคนั้นพรรคนี้ ท าให้เหมือนเอกภาพของการท างานร่วมกัน ไม่กระชับเหมือนว่ากระทรวงเศรษฐกิจอยู่ภายใต้พรรคการเมืองพรรคเดียว ในอดีตเราเคยมีการเลือกตั้งแล้วพรรคการเมืองได้เกินครึ่งพรรคเดียว อย่างนั้น จัดรัฐบาลง่าย เพราะกระทรวงเศรษฐกิจก็อยู่ภายใต้พรรคการเมืองหลักดังนั้น โครงสร้าง ครม.วันนั้น กับปัญหาของประเทศวันนี้ เทียบกันไม่ได้เลย ท่านนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ หลังจากเกิดโควิดรัฐบาลก็จะมีการท างานแบบใหม่ การมีส่วนรวมของประชาชน การฟังประชาชนการไปพบประชาชน การให้ประชาชนมีส่วนร่วมคิด ร่วมท างาน ปัญหาเฉพาะหน้าปัจจุบัน คือท าอย่างไร เมื่อมีการประกาศ ครม. ชุดใหม่ ครม.เศรษฐกิจ ออกมาแล้วประชาชนได้มีความเชื่อมั่น มีเสียงเฮ เรารอดแล้วเรียบร้อยแล้ว ได้คนเก่ง คนดี มาแล้ว อันนี้จะเป็นขวัญก าลังใจ ให้เรายืนอยู่ได้ดรีมทีมเศรษฐกิจ ครม.ใหม่ ที่นายกฯ เป็นหัวหน้าทีม มีอ้านาจเบ็ดเสร็จเดิมที่งานด้านเศรษฐกิจให้กับรองนายกรัฐมนตรี สมมุติ โครงสร้างรัฐบาล เราจะมีนายกฯ และก็มีรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการ รองนายกฯก็จะมีหลายๆ ท่าน สมมุติสี่ห้าท่าน คนนี้เป็นรองนายกฯทางเศรษฐกิจ คนนี้เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง คนนี้เป็นรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ที่ผ่านมาท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งท่านเป็นมาหลายปีและอาจมีปัญหาด้านสุขภาพ หรือมีเหตุผลทางด้านอื่นปรากฏว่า ทีมของท่านได้ลาออกไปก็เลยเข้าใจได้ว่าต้องหาทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ประกอบกับองค์ประกอบของการท างาน สมมุติท่านนายกฯ มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง ก็จะไม่มีรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงเศรษฐกิจก็จะขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรีเลย อันนี้ก็มีข้อดีที่ว่า อ านาจนายกรัฐมนตรี สูงสุด วันที่มีรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจคือตอนที่นายกฯ เอาอ านาจไปให้รองนายกฯ เศรษฐกิจให้ท่านไปบริหาร ซึ่งตอนนี้นายกฯ ให้ความส าคัญกับการแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจ มานั่งหัวโต๊ะเอง เหมือนท่านเป็นหัวหน้า ทีมเศรษฐกิจ เพียงแต่ว่ารัฐมนตรีเศรษฐกิจที่จะมาท างาน ต่าง ๆ มาเสนอนโยบาย และไปปฏิบัติ รมต. คนนั้นจะเป็นใคร ?“วันนี้โครงสร้างที่ท่านนายกฯ นั่งหัวโต๊ะเอง ชี้ให้เห็นว่า อ านาจในการบังคับบัญชาที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทีนี้ก็จะเป็นที่ตัวรัฐมนตรี แหละ”พึ่งได้ เห็นผล อย่างนี้ ได้ไหม สมมุติท่านนายกฯ มานั่งหัวโต๊ะ แล้วบังเอิญได้รัฐมนตรีคลังเก่งๆ อันนี้ผมยกตัวอย่าง ได้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเก่งๆ แล้วมาอยู่ภายใต้ท่านด้วยและมีนโยบายการท างานที่ประสานกัน ผมยกตัวอย่าง โควิด ตอนหลัง เหมือนรัฐบาลจับทางได้ มีทีมงานมืออาชีพท างาน มีหมอ เราก็ผ่านวิกฤตมาได้ ถ้าเกิดเราจะใช้โมเดล ลักษณะนั้นแล้วท าให้เกิดเอกภาพ การบริหารงาน แต่นโยบายนี้ส าคัญ เพราะนโยบายทางเศรษฐกิจ มันต่างจากนโยบายโควิด เพราะนโยบายโควิด มันเป็นเฉพาะด้าน สาธารณสุข เหมือนว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องแคบ โฟกัสเป็นเรื่องเดียวแต่เศรษฐกิจจะเอายังไงกับนักท่องเที่ยว ส่งออก การลงทุน มันมีตัวแปรเยอะไปหมด ตัวแปรนอกประเทศอีกอย่างที่คุมโควิด เราเป็นตัวแปรในประเทศ เรา Social Distancing เฉพาะเรา 60 ล้านคน เราขอความร่วมมือ แต่วันนี้ ต้องไปพึ่งกลไกลจากต่างประเทศ ตลาดต่างประเทศ พึ่งนักท่องเที่ยวต่างประเทศ พึ่งนโยบายภายในของแต่ละประเทศอีก ทุกประเทศช่วงนี้ ทุกคนต้องช่วยเหลือชาติก่อน เขาก็จะส่งเสริมให้เที่ยวภายในประเทศก่อน หรือส่งเสริมให้ซื้อสินค้าภายในประเทศก่อนก็เลยหยิบลัทธิชาตินิยมเอามาช่วยเศรษฐกิจเฉพาะหน้า ดังนั้น ปัจจัยที่จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราไปคุมปัจจัยภายนอก ไม่ได้แต่เราควบคุมปัจจัยภายในประเทศได้นายกรัฐมนตรีได้อ้านาจในการบริหารจัดการแล้ว แต่บริหารจัดการมันยากจากนี้ไปมี 2 เรื่อง คือ 1.นโยบาย จะมีนโยบาย ยังไง เช่นการฟื้นตัวขณะนี้ 2.หลังฟื้นตัวแล้วประเทศไทยจะโตยังไง จะปรับทิศทางทางเศรษฐกิจยังไง สมมุติเดิมที่เศรษฐกิจของเราพึ่งจากการท่องเที่ยว พึ่งจากการส่งออก เขาบอกเศรษฐกิจ เราพึ่งพาจากต่างประเทศ 90% เฉพาะส่งออก 75 % ของ GDP เรื่องการท่องเที่ยวอีก15% ของ GDP เป็น 90% ไม่มีนักท่องเที่ยว หรือ ส่งออกไม่ได้เศรษฐกิจก็แย่เลย เรายืนอยู่บนพื้นฐานของคนนอกประเทศ เราไม่ได้ยืนอยู่บนตัวตนเราเท่าไหร่ เราต้องพึ่งต่างประเทศเป็นหลักดังนั้น หลังนิว นอร์มอลแล้ว เราจะปรับทิศทางโครงสร้างเศรษฐกิจยังไง เพื่อให้เรามีการกระจายความเสี่ยงเวลาเกิดอะไรกระทบแรงๆ เราสามารถที่จะไปทางนั้นทางนี้ได้ การจัดโครงสร้างเศรษฐกิจที่เราสามารถบริหารความเสี่ยง ในเวลาที่มีวิกฤตเศรษฐกิจ เหมือนกับค่าเงิน แทนที่เราจะถือค่าเงินสกุลเดียว เราก็ถือเงินค่าเงินหลายสกุล เราก็สามารถมาบริหารความเสี่ยงได้อันนั้นเป็นปัญหาของเศรษฐกิจในวันข้างหน้า แต่เร็วๆ นี้ เอากันยังไง เห็นว่า 6 - 7 ล้านคนจะว่างงาน วันนี้นักท่องเที่ยว ปรากฏว่าขณะนี้เพิ่งจะมี 6-7 ล้านคน จากเคยมี40 ล้านคน โรงแรมต่าง ๆ ยังปิด ภาคบริการยังปิด SME ก็ยังหยุดกิจการ ปลดคนงาน SME เป็น SupplyChain ก็ไม่มีชิ้นส่วนไปให้อุตสาหกรรมใหญ่ นี้ก็คือ ปัญหาเฉพาะหน้าจากนโยบาย 5000 บาท พักช้าระหนี ดูตลาดเงิน ตลาดทุน ด้วยการให้ Soft loan สามารถเยี่ยวยาได้ไหมต้องดูว่าเราใช้เงินไปเท่าไหร่ สมมุติ เอา 4 แสนล้าน ไปสร้างโครงการในเรื่องโครงการพื้นฐานของชุมชน5 แสนล้าน มาเตรียมเรื่อง Soft loan ให้กับ SME ทั้งหลาย รวมแล้วก็ประมาณ 9 แสนล้าน อีก 6 แสนล้านก็เป็นเรื่องของด้านสาธารณสุขเรื่องอะไรไป และอีก 4 แสนล้าน ก็เป็นเรื่องของไปพยุงกองทุนในตลาดหลักทรัพย์รวมทั้งหมดแล้ว 1.9 ล้านล้านบาท เอาว่าตอนนี้ที่เค้าคุย เรื่อง Soft loan ที่ไป SME ถือเป็นเรื่องที่ดี ดอกเบี้ยต่ า 2% แต่ว่าตอนนี้ เหมือนว่ากฎกติกา ในเรื่องของแบงค์ มันก็มีเรื่องกติกาที่ถูกควบคุมด้วย แบงค์ชาติ แล้วกฎกติกาของ SME ที่จะมาได้ Soft loan ก็มีมากอีก ปรากฏว่า SME ยังไม่ค่อยได้เลยเงินเลยเงินออกยากมาก และเรื่อง 4 แสนล้านที่ไปสร้างโครงการในชนบท ตอนนี้ก็เพิ่งออกไปไม่กี่หมื่นล้าน ฉะนั้น ถือว่าความเร็วของการแก้ไขปัญหายังไม่เพียงพอ ต้องเหยียบให้มีอัตราการเร่ง ต้องเร็วกว่านี้เพื่อให้เงิน 9 แสนล้านนี้ เข้าไปสู่ระบบให้มากขึ้นเม็ดเงินที่เข้าไป 9 แสนล้านมีความแรงพอไหม ปรากฏว่าพอไม่พอเราก็มีเม็ดเงินอยู่เท่านั้น ในขณะนี้เพราะเราก็ต้องรักษาเสถียรภาพทางการคลัง บางทีเราใช้จ่ายเงินเยอะ เป็นหนี้เยอะ เค้าก็มีมาตรฐานของหนี้ต่อ GDPซึ่งทั่วโลกเค้าก็ใช้มาตรฐานสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ประมาณ 60% สมมุติเรามี GDP ประมาณ 15 ล้านล้าน 60%ก็คือ 9 ล้านล้าน ณ วันนี้ ปรากฏว่า เราใช้ไป 1.9 ล้านล้าน มาฟื้นฟูเศรษฐกิจ และบังเอิญ GDP เราต่ าด้วยตอนนี้หนี้ต่อ GDP ก็ประมาณ 57-58% แล้ว แสดงว่าไฟเหลืองเตือนแล้ว ถ้าเกิดเรากู้เงินมามากกว่านี้มันจะไปกระทบกับความน่าเชื่อถือของประเทศ แล้วจะเล่นยากมากขึ้น เกิดว่าเราจะปล่อยเพดานให้สูงขึ้นเพื่อให้มีเงินมาฟื้นฟู มันก็อาจจะได้แต่จะกระทบกับค่าเงิน กระทบกับความเชื่อมั่นกับนักลงทุน อันนี้ประเทศเริ่มมีความเสี่ยงแล้วกับเครดิต เรดติ้ง ก็จะกู้ยากมากขึ้น กู้ด้วยดอกเบี้ยแพงขึ้นแล้วก็กระทบต่อตลาดทุน กระทบตลาดหุ้น กระทบภาคเอกชน มันก็เป็นห่วงโซ่กันไปหมด เหมือนเราต้องมีขีดจ ากัดแล้วเราจะท ายังไง อันนี้เป็นเรื่องของเม็ดเงิน ถ้ามันไม่พอจะหาเม็ดเงินจากที่ไหนยิงเข้าไป ท่ามกลางขณะนี้ 1. เงินต้องถึงมือเร็วกว่านี้ 2. เม็ดเงินมันจะต้องมากกว่านี้คือแรง และ 3. ถ้าไปถึงมือแล้ว เม็ดเงินมากกว่านี้แล้ว ต้องให้มันตรงเป้าด้วยยิงกระสุน ยิงไปสิบนัด ยิงนัดเดียวก็ได้ขอให้ตรงเป้านั้นจะยิงยังไง ให้เข้าเป้า แล้วยิงยังไง ให้มันมีตัวทวีคูณมีMultiplierผมยกตัวอย่างโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ที่ใช้เงินกว่า 25,000 ล้าน ผมถือว่าเป็นโครงการที่ตรงเป้า เพราะภาคท่องเที่ยวได้รับผลกระทบโดยตรง นักท่องเที่ยว 40 ล้านมีมาเที่ยวไม่ถึง 10 ล้าน แล้ว 30 ล้านที่เหลือไทยออกมาเที่ยวกันเอง อันนี้ถือว่าตรงเป้าแล้ว สองมีMultiplier ก็ที่รัฐบาลออกมาบอกว่า ผมให้ 40% นะคุณต้องออกมาให้อีก 60% พอคุณมาเที่ยวทีนี้ SME ก็เริ่มเปิดกิจการ โรงแรมออกมาท างาน ตลาดร้านค้ากลับมาท างาน OTOP ร้านค้า ร้านก๋วยเตี๋ยว ตลาด ภาคบริการออกมาท างานหมด แสดงว่า มี Multiplier อีกหลายอาชีพเงินหมุนไหลเวียนอีกเยอะ อันนี้เป็นตัวอย่างว่าในการฟื้นฟู ถ้าเงินเราน้อย พยายามยิงให้ตรงเป้ากับยิงให้มี Multiplier อย่าให้เสียของมีตัวทวีคูณเยอะๆ ให้มันหมุนและกระจายไปทุกพื้นที และทุกอาชีพมันถึงจะฟื้นตัวกันจริง ๆ“ผมมองว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้มอง 3 ตัว 1. เรื่องอัตราความเร็ว ของการเข้าไปฟื้นตัว 2. อัตราความแรง คือเม็ดเงินต้องมากพอ 3. ตรงเป้าและก็มีตัวทวีคูณ”ถ้าคุณสุวัจน์ เป็นเหมือนนายกฯ เพราะได้ชื่อว่า COMPROMISE ทางการเมือง คุณสุวัจน์ จะท้าอย่างไรอันดับความส าคัญแรก ของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ต้องท าให้คนไม่ตกงาน เศรษฐกิจอยู่ได้ทุกคนมีงานท า มีรายได้ ครอบครัวไม่เดือดร้อน อาชญากรรมไม่เกิด GDP ก็ยังโต แต่ทุกอย่างจะหยุดนิ่ง เพราะคนไม่มีงานท าก็เพราะว่าปิดกิจการ เราต้องมาคิดว่าต้องท ายังไง ให้ธุรกิจกลับมาเดินเครื่อง เหมือนตอนนี้เราปิดเครื่องยนต์ไว้ในช่วงโควิด วันนี้ต้องให้ทุกคน กลับมาสตาร์ทเครื่อง พอสตาร์ทเครื่องเริ่มผลิต เริ่มจ้างงาน ต้องท าให้คนมีงานท าโดยเร็ว ต้องท าให้กิจการต่าง ๆ กลับมาเดินหน้า โดยเร็วที่สุดท ายังไงให้กิจการกลับมา รัฐบาลต้องเข้าไปคุยกับเขาเพื่อให้คนไม่ตกงาน สมมุติ โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ก็เป็นในลักษณะนั้น คือให้คนมาเที่ยว ภาคธุรกิจกลับมาเปิดแล้ว นี้เป็นตัวอย่าง นี้เป็นสเกล ตัวเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการ ท่องเที่ยว ท ายังไงที่จะต้องอัดฉีดเม็ดเงินหรือมาตรการ หรือปรับระบบโครงสร้างภาษีหรือจะมีอะไรเป็นแรงจูงใจ ให้ธุรกิจกลับมา ขณะนี้ควร RE-DESIGN โครงสร้างภาษีทั้งระบบให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจปัจจุบัน เช่น ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร ภาษี Vat ภาษีเงินได้ต่างๆ ภาษีที่ดิน ฯลฯ เพื่อลดภาระให้กับภาคธุรกิจ เหมือนเพิ่มเงินให้กับเขาทางอ้อม เพื่อจะได้มีเงินไปเปิดกิจการ คนจะไม่ตกงาน ใช้กันสัก2-3 ปีเพื่อป ระคองการฟื้นตัว และเมื่อ NEW NORMAL ของเศรษ ฐกิจเข้าที่แล้ว ก็ป รับกันอีกทีให้มีโครงสร้างภาษีที่เหมาะสม ให้รัฐบาลมีรายได้คืนกลับมาทีหลังคุณสุวัจน์ มองอนาคต 5 ปีหลังโควิดจะเป็นอย่างไรผมว่าตอนนี้สองอย่าง คือ ยุทธศาสตร์ประคองตัวไม่ให้จมน้ าก่อน ให้กิจการกลับมา ให้คนรีบกลับมาท างานแก้ไขปัญหาด้วยความรวดเร็ว แก้ไขปัญหาด้วยแมกนิจูด ด้วยความรุนแรง แก้ไขตรงเป้าและ มีMultiplier แต่พอจบแล้วอยากให้เรากลับมาทบทวนตัวเราว่า“วันนี้โลกเปลี่ยนเทคโนโลยีเปลี่ยนแล้วประเทศจะเดินหน้ากันยังไง อะไรคือจุดแข็ง อะไรคือจุดอ่อน การที่เราจะไปแข่งขันกับคนอื่น เราต้องไม่ไปแข่งขัน บนจุดอ่อน เราต้องแข่งขันบนจุดแข็ง ตัวตนของเรา ตัวตนของประเทศไทยคืออะไร แล้วตัวตนที่ประเทศอื่นแข่งกับเราไม่ได้ เราเอาความรูปหล่อตรงนั้น มาแข่งกับเค้า เราอย่าไปแข่งกับเค้าบนความอ่อนแอก็เหมือนกับแข่งฟุตบอลที่เล่นเกมในบ้าน หรืออะไรที่เป็นตัวความเข้มแข็งของสังคมไทยที่พิสูจน์มาแล้ว”สมมุติที่ผ่านมา เราจะไปมองเรื่อง GDP เป็นหลักในการพัฒนาประเทศ เอา GDP มาเป็นตัววัดความส าเร็จของการพัฒนาประเทศ แต่ในขณะที่ประเทศยังมีความเหลื่อมล้ า เราบอกว่าปีนี้ GDP 5% ถามว่า 100 คนโต 5% เท่ากันหรือเปล่า อาจจะมีแค่ 2 คน แต่อีก 2 คนอาจจะโต 50% หรือ โต 100% แล้วเค้าก็มาดึงcurve ทั้งหมด แต่ที่เหลือติดลบทั้งหมด อันนี้ก็คือความเหลื่อมล้ า ฉะนั้น ถ้าโตไม่ถึง 5% ดีไหม คือ โตแค่ 1%แต่ 100 คน โต 1% เหมือนกันหมด เราควรจะดึงข้างล่างขึ้นมา สมมุติGDP โต 5% เรามีคน 100 คน ให้คน100 คนได้ 5% เหมือนกันหมด ฉะนั้น จะท ายังไง เราบอกว่าเราไปให้ความส าคัญมากกับเรื่อง GDP คือ ผลความส าเร็จของการพัฒนาประเทศ แต่ผลการส าเร็จการพัฒนาประเทศ ก็คือว่าท าให้ทุกคนโตเท่าๆ กันให้GDP เราน้อยแต่ทุกคนได้ผลพวงเท่ากันยังดีกว่าเราได้GDP เยอะแต่มีความเหลื่อมล้ า สมมุติ วันนี้GDPเรา 15 ล้านล้าน ถามว่าเป็น GDP ของคนไทยจริงๆ กี่ล้าน เพราะ GDP ที่เหลือเป็น GDP ของนักลงทุน ของคนต่างชาติ GDP แค่เอาชิ้นส่วนจากเมืองนอกแล้วมาผลิตภายในประเทศใส่แล้วส่งออก แต่เราค านวณเป็นGDP ของประเทศ ดังนั้น ใน 15 ล้านล้าน เป็น GDP ของคนไทยแค่ 3 ล้านล้าน 4 ล้านล้านที่มาจากน้ ามือน้ าพักน้ าแรง มาจากหัวใจของคนไทย แต่ที่เหลือเป็น GDP ของคนต่างชาติเข้ามาอาศัยแผ่นดินเรา คนต่างชาติที่มาอาศัย แรงงานเรา คนต่างชาติเข้ามาอาศัยข้อตกลงทางการค้าที่จะได้ประโยชน์ทางภาษีบนแผ่นดินเราแล้ วเราก็พึงพ อใจ GDP ว่าเติบโตแล้ วไป อยู่กับมือคน อื่น สู้ ว่ า GDP เราน้ อยแต่เป็ น GDP ของคนไทย ต้นกล้าของ GDP เกิดจากแผ่นดินไทย เกิดจากฟาร์มเกษตรของคนไทย เกิดจากการท่องเที่ยวของคนไทย อย่างนี้คือ ความยั่งยืน ฐานระดับล่างมีกินมีใช้ทุกคนเติบโตเหมือนกันหมด ฉะนั้น ถ้านิว นอร์มอลแล้วโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศอะไรคือ ความเป็นไทย อะไรที่สามารถเป็น GDP ของคนไทยจริงๆ แล้วมันยั่งยืน วันนี้เห็นชัดๆ 3 อย่าง คือ 1.ภาคเกษตร คือ ความเข้มแข็งของคนไทย 2. ภาคท่องเที่ยว เป็นความเข้มแข็งของสังคมไทย 3.ความน่าอยู่ของเมืองไทย คือ เมืองไทยเป็นเมืองปลอดภัย โควิด นิว นอร์มอล ใช่ไหมโควิดกลายเป็นปัจจัยว่าจะไปไหน มาไหนกลัวโรคระบาด แต่เมืองไทยควบคุมได้ระบบสาธารณสุข หมอโรงพยาบาลมีวินัย ใส่หน้ากาก ล้างมือ Distancing มาเมืองไทยปลอดภัย เมืองไทยสาธารณสุขดีมาก อันนี้คือจุดแข็งของสังคมไทยคุณสุวัจน์ กำลังจะบอกว่าจากนี้ไปคนก็จะมองเมืองไทยเป็น เมืองปลอดภัย เมืองไทยคือ Second Home ของโลก เมืองไทยคือSecond Office ของโลก นี้คือจุดแข็ง จากวันนี้ไปวิกฤตนี้มันสร้างจุดแข็งให้สังคม ไทย สมมุติว่าใครๆ ก็อยากมาอยู่เมืองไทย เราจะยก เพดานเรื่องอสังหาริมทรัพย์ การตั้งส านักงาน ที่อยู่อาศัยของคนต่างชาติ ที่ซื้อได้ไม่เกิน 49% หาวิธีปรับขึ้นได้ไหม หรือคนมาซื้อเยอะขึ้นเราใช้วิธีให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ อายุที่ยาวขึ้น เราสามารถที่จะมาปรับเงื่อนไขบางอย่างเพื่อมาเสริมจุดแข็งของสังคม ไทย ให้เมืองไทยเป็นเมืองลงทุน เมืองไทยเป็นSecond Office เมืองไทยเป็น Second Home คือ มาอยู่เมืองไทยแล้วมีความสุข มีความปลอดภัย คนเหล่านี้มีเงิน มีความรู้ความสามารถ ก็จะมีการย้ายฐานการลงทุนมาที่ประเทศไทย ดังนั้น การเป็น SecondHome ของโลก คือ บีโอไอที่ส าคัญ จากเรื่องโควิด เราสามารถที่จะสร้างเมืองไทย การรักษาพยาบาล อยู่อย่างปลอดภัย การเป็น Second Home ของโลก การเป็น Second Office ของโลก เพราะเดียวนี้อยู่ที่ไหนท างานทางออนไลน์กันได้หมด เป็นสิ่งที่เมืองไทยได้เปรียบ อันนี้คือจุดแข็ง2. เรื่องภาคการเกษตร วันนี้ส่งออกติดลบเกือบ 30% แต่เรื่องเดี่ยวที่ไม่ติดลบ คือ ส่งออกอาหาร อันนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าท่ามกลางวิกฤติเราคือ ครัวของโลก วันนี้ผลกระทบในเรื่องของจ านวนประชากรโลกมากขึ้น พื้นที่การเกษตรน้อยลงของทั่วโลกและผลกระทบทางด้านภัยธรรมชาติแต่บ้านเราได้รับผลกระทบน้อย เมืองไทยเป็นสังคมเกษตร ครึ่งหนึ่งของประชากรก็อยู่ในสังคมการเกษตร นี่คือจุดแข็ง เราเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก คือ ข้าว อ้อย มันส าปะหลัง ปาล์ม ยางพารา ข้าวโพด ไทยติด 1 ใน 5 ผู้ผลิตของโลก ฉะนั้นเรา คือมหาอำนาจทางด้านการเกษตรของโลกตัวจริงแต่เรายังไม่ได้ใส่การตลาด การเพิ่มมูลค่าสินค้า การบริหารจัดการ การประชาสัมพันธ์ ใส่คาแรคเตอร์กันอย่างจริงจัง คือ ปลูกข้าวขายข้าว ปลูกมันขายมัน ปลูกยางขายยาง สมมุติจากนี้ไปมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจด้านการเกษตรใหม่ ภายใน 10 ปีสินค้าเกษตรต้องออกไปเป็นสินค้าที่เพิ่มมูลค่า ตัวอย่าง ยางพารา ประเทศไทยผลิตยางพารา ปีละ 4 ล้านตัน เอายางพารา 5 แสนตันมาผลิตเป็นถุงมือ ยางรถยนต์ หมอน คือ เอามาแค่15% เปลี่ยนจากวัตถุดิบเป็นอุตสาหกรรมส่งออก มูลค่าของการส่งออก เท่ากับ 85% ของที่เหลือ คือ 3.5 ล้านตัน ที่ส่งออกยางพาราเป็นวัตถุดิบ เมื่อทุกอย่างเป็นสินค้าอุตสาหกรรม มูลค่าจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 10 เท่า และการเพิ่มมูลค่าเพิ่มกับสินค้าเกษตรทุกอย่าง ข้าว มันส าปะหลัง น้ ามันปาล์ม ข้าวโพด เป็นการเพิ่มมูลค่าระดับสูงด้วยเทคโนโลยี ถ้าท าอย่างนี้แล้วเราก็มีแผนทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจว่าโครงสร้างแบบนี้ผลผลิตทางด้านการเกษตรส่งออกเป็นวัตถุดิบ เป็นสัดส่วนต่อส่งออกเป็นอุตสาหกรรมด้านเกษตร ปีต่อไป 60 : 40ต่อไป 50 : 50 อีก 10 ปีจะไม่เห็นเราส่งสินค้าเกษตรเป็นวัตถุดิบแล้ว แต่จะเป็นสินค้าที่แต่งตัวแล้วในด้านอุตสาหกรรมการเกษตร และอีก 10 ปีข้างหน้า ไทยจะยิ่งใหญ่ รัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้เราต้องมีการพัฒนาเรื่องการเกษตรอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาการเกษตรเป็นอะไรที่เรามองบางมาก ทุกวันนี้โครงสร้างพื้นฐานของประเทศมีอะไรบ้าง มอเตอร์เวย์ทางด่วน รถไฟฟ้า EEC สนามบิน“ผมยังไม่ค่อยได้ยินค าว่าโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรว่าปีนี้จะมีโครงการอ่างเก็บน้ าใหญ่ๆ อะไร ปีนี้จะเป็นโครงการเขื่อนใหญ่อะไรที่ให้น้ าเพื่อการเกษตร ปีนี้จะมีโครงการชลประทานอะไร ปีนี้จะมีโครงการดาวเทียมเพื่อการเกษตรหรือโครงการพัฒนาต่าง ๆ โครงการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือโครงการสมาร์ทฟาร์มเมอร์ หรือโครงการยกระดับแรงงานภาคเกษตรอย่างไร ฉะนั้น การพัฒนาประเทศด้วยโครงสร้างพื้นฐานทั่วไป ที่มันกระจายไปเยอะแล้วมา Focus เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านเกษตรบ้าง และจัดระดับความส าคัญของงบประมาณ มีแผน 5 ปี 10 ปีภาคเกษตรจะเป็นแบบนี้ คิดดูว่าความยิ่งใหญ่ของประเทศไทย” เรื่องสุดท้ายคือ การท่องเที่ยว เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของโลก ผมคิดว่าถ้าเราสามารถที่จะเติมในเรื่องของโครงสร้างเป็นฐานทางด้านการท่องเที่ยวของเก่าเราดีอยู่แล้วในเรื่องของประเพณีวัฒนธรรมของชาติสินค้า OTOP ภาคบริการ รอยยิ้ม อาหาร อะไรต่างๆ ตอนนี้แต่เติมเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทางด้านท่องเที่ยว ถนนสวยๆ เข้าไปในแหล่งท่องเที่ยว ถนนเลียบชายหาด รัฐบาลเคยมีโครงการ “ไทยแลนด์ ริเวียร่า”เป็นโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบนด้านอ่าวไทย ตั้งแต่เพชรบุรี ชะอ า หัวหิน ปราณบุรี ประจวบชุมพร ไปจนถึงสุราษฎร์ธานียาวประมาณ 400 กิโลเมตร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพชรบุรีเป็นเมืองที่มีพระราชวังเก่า ชะอ า เมืองสนุก หัวหิน เป็นเมืองแบบ Nice, Cannes ปราณบุรี เป็น St.Tropez ชุมพรเมืองด าน้ าระดับโลก เกาะเต่า เกาะนางยวน สมุย หมู่เกาะอ่างทอง เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ด้ามขวานฝั่งซ้ายอันดามันก็มีภูเก็ตทั่วโลกรู้จัก บ้านเรามีชายฝั่งทะเลกว่า 2000 กิโลเมตร มีประเทศไหนในโลกที่มีชายฝั่งทะเลสวยและติดทั้งสองฝั่งทั้งอันดามันและอ่าวไทย มันก็เลยมีโครงการที่จะท าไทยแลนด์ริเวียร่า ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอนาคต เหมือนฝั่งชลบุรี พัทยา ระยอง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นพื้นที่ EEC โครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกไปแล้วแต่ท่ามกลางความสวยงามเรื่อง infrastructure 400 กิโลเมตรฝั่งอ่าวไทยไม่มีท่าจอดเรือ marina สักแห่งลองคิดดูพัทยามีmarina หนึ่งแห่งที่ท าให้พัทยาเกิด ภูเก็ต มีmarina ตั้ง 5-6 แห่ง เพราะยกเลิกการเก็บภาษีเรือยอร์ช ซึ่งเคยเก็บกัน 300 ถึง 400% ในอดีต ตอนนี้เรือยอร์ชมหาเศรษฐีมาภูเก็ตกันเยอะ ท าให้เกิดmarina ท าให้ภูเก็ตเป็นเกาะระดับโลก ฉะนั้น เราพูดถึงการปรับโครงสร้างภาษีเราควรจะต้องปรับโครงสร้างภาษีให้เหมาะกับจังหวะของประเทศอันนี้ผมยกตัวอย่างโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการท่องเที่ยว เราต้องรีบท า marina ถนน ทางรถไฟ สถานีรถไฟสวยๆ อันไหนที่รัฐบาลท าไม่ได้ก็ให้เอกชนท า แต่รัฐบาลต้องอ านวยความสะดวกอะไรต่าง ๆ ให้มันเกิดแหล่งท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐานทางด้านการท่องเที่ยวที่ลงทุนโดยภาคเอกชน ที่เราควรจะรีบเข้าไปส่งเสริมในการลงทุนขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า Man Made Destination ตัวอย่าง ประเทศเพื่อนบ้านใน ASEAN มีการถมทะเลและมีแหล่งท่องเที่ยว Universal ทุกคนแห่ไปเที่ยว แต่ของเรายังไม่ค่อยมีการลงทุนขนาดใหญ่ ถ้าเราส่งเสริมในเรื่องมาตรการทางภาษีเชื้อเชิญ เค้ามาลงทุนด้าน Man Made Destination บวกกับโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และความสวยงามของธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่มีอยู่แล้ว จะท าให้การท่องเที่ยวของเรามีความหลากหลาย และเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยอาศัยจังหวะที่ว่ามาเที่ยวเมืองไทยแล้วไม่มีโควิด มาเที่ยวเมืองไทยแล้วปลอดภัยทางด้านสาธารณะสุข ฉะนั้น“จากนี้ไป นิว นอร์มอล ด้านเศรษฐกิจ นอกเหนือจาก นิว นอร์มอล ด้านการเมืองแล้ว นิว นอร์มอล ด้านเศรษฐกิจเราต้องมาหาตัวตนเราให้เจอ ว่าตัวตนเราอยู่ที่ไหน เราก็ท าในเรื่องนั้น การจะขึ้นเวทีเข้าไปชก เราไม่เข้มแข็งไม่ได้การเกษตร การท่องเที่ยวความเป็นอยู่ ท าเมืองไทยให้เป็นบ้านหลังที่สองของโลก ผมว่าถ้าท าตัวนี้ไม่ต้องสนใจเรื่อง GDP มากนัก แต่คนไทยทุกกลุ่มได้ประโยชน์โดยความเท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ า เราก็แข็งแรงได้ด้วยถ้าเกิดโควิด 2 โควิด 3 โควิด 4 ไม่มีผลกระทบอะไรกับเรา เพราะเราอยู่บนความเข้มแข็งของเรา เราไม่ได้พึ่งอะไรใคร ยิ่งเกิดอะไรมากต่างประเทศต้องยิ่งวิ่งมาหาเรา” คุณสุวัจน์ คิดว่าครม. ใหม่จะอยู่ครบเทอมไหมผมว่าคนไทยทั้งประเทศฝากความหวังกับรัฐบาล ท่านนายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นหัวหน้ารัฐบาล คณะรัฐมนตรีทั้ง36 คน ก็ต้องท างานกันเต็มที่ เสียสละวันนี้ รัฐบาลเกือบครึ่งเทอมแล้วจะปีครึ่งแล้ว ครึ่งแรกมาแบบช้า ๆ ครึ่งหลังมาเร็วและเป็นครึ่งหลังที่อยู่บนความหวัง ความอยู่รอดของประเทศ ฉะนั้น ทุกคนต้องเสียงสละเพื่อประเทศชาติ ส่วนจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ หรือจะมีอุบัติเหตุไหม ถ้าอยู่ครบเทอมได้ดีมันต่อเนื่อง มีเวลาท างานยิ่งได้คนดี คนเก่ง เสียสละ เข้ามาแล้วท างานได้ท างานเป็นทีมต้องให้เค้าอยู่ยาวๆ เพื่อให้เค้าแก้ไขปัญหาประเทศ แต่จะอยู่ยาว อยู่สั้น การเมืองไม่แน่เหมือนขับรถออกจากบ้านยางแตก ชนเฉี่ยวก็ได้ หรือบางที่ทะเลาะกันในรถมันมีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้เยอะ