นักวิเคราะห์หลายสำนักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ยาวนานและเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไปอย่างมาก อันเนื่องมาจากรายได้ครัวเรือนหดหายกว่าครึ่ง ทำให้หลายธุรกิจต้องเตรียมความพร้อมและปรับตัว ‘ซมโปะ ประเทศไทย’ หนึ่งในประกันภัยชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น ชู 3 กลยุทธ์สำคัญ เสริมแกร่งความพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ในอนาคต ผศ.ชญณา ศิริภิรมย์ เปิดเผยว่า ไม่มีองค์กรไหนในช่วงโควิด-19 ที่ไม่ต้องปรับตัว เราต้องคาดการณ์สถานการณ์ สภาพเศรษฐกิจ สังคม และพฤติกรรมผู้บริโภคต่อจากนี้ เพื่อปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็วด้วยความรอบคอบ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าโดยให้บริการได้อย่างดีเยี่ยม และเป็นที่พึ่งพาให้กับลูกค้าในยามวิกฤตนี้ได้อีกด้วย “ตอนที่โควิดเกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลกช่วงกุมภาพันธ์ 2563 เป็นเหมือนตัวกระตุ้นให้เราปรับกลยุทธ์องค์กรครั้งใหญ่ โดยซมโปะได้กำหนด 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วยการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัล (Digitalization) การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจแบบเจาะจง (Focusing) และการบริหารงานจากส่วนกลาง (Centralization)” การปรับเปลี่ยนทางดิจิทัล (Digitalization)ซมโปะ ตัดสินใจก้าวสู่องค์กรดิจิทัลเร็วกว่ากำหนด โดยกำลังพัฒนา Chatbot ผ่าน Chat app ทั้ง Line OA และ Facebook messenger ที่ใช้ AI มาเรียนรู้ “ภาษาคน”, Data visualization และยังได้วางระบบ automation ตั้งแต่การขาย การติดต่อประสานงานกับคู่ค้าและลูกค้า การออกกรมธรรม์ การบริการหลังการขาย Reinsurance และการเรียกร้องค่าสินไหม ข้อมูลลูกค้าที่ผ่านเข้ามาทางการโฆษณา online จะถูกส่งบันทึกเข้าระบบ CRM โดยอัตโนมัติ “นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและในส่วนของบุคลากรลงได้ในระยะยาว การให้บริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และการนำระบบ automation เข้ามาใช้นั้น เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมและตรงกลุ่มเป้าหมายในยุคดิจิทัล และมอบประสบการณ์การซื้อประกันทางออนไลน์ที่ดีและเร็วยิ่งขึ้น” การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจแบบเจาะจง (Focusing) โควิด-19 ส่งผลกระทบทั้งรายได้-เงินออม-จ้างงานเป็นวงกว้าง ประกอบกับ Digital Disruption ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป องค์กรจึงต้องปรับวิธีในการเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย “ซมโปะ จะมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับคู่ค้าให้แน่นแฟ้นมากขึ้น โดยจะเน้นการขายประกันผ่านคู่ค้าต่างๆ นอกจากบุคลากรที่เราคัดสรรมาเพื่อรองรับความต้องของคู่ค้าและลูกค้าของเราโดยเฉพาะแล้ว ที่ผ่านมาเรายังได้เริ่มใช้ดิจิตอลในการติดตามผล real time เป็นการพัฒนาตัวเองมาตลอด ซึ่งได้สร้างภูมิคุ้มกันให้กับองค์กรในช่วงโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี” การบริหารงานจากส่วนกลาง (Centralization)จากความพร้อมทางด้านดิจิทัลและระบบ automation รวมถึงการปรับกลยุทธ์มาเน้นการขายผ่านคู่ค้าต่างๆ มากกว่าการตลาดแบบไม่เจาะจง ทำให้ซมโปะสามารถรวมศูนย์บริหารงานได้จากส่วนกลาง และยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจสอบ ติดตามการทำงาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคู่ค้าและลูกค้าได้ทันทีและทันใจ รวมทั้งใช้ข้อมูลวิเคราะห์เหตุผลและแนวโน้มเพื่อบริหารจัดการได้อย่างบูรณาการ นอกจากนี้ ซมโปะยังได้นำนวัตกรรมด้านประกันภัยมายกระดับการให้บริการ อาทิ ประกันภัยการประกันภัยพืชผลลำไย หนึ่งในพืชเศรษฐกิจของไทย จากภัยแล้งโดยใช้ดัชนีฝนแล้ง (ตรวจวัดด้วยดาวเทียม) ด้วยโปรแกรมระบบจากญี่ปุ่นชื่อว่า “GSMaP” ของ The Remote Sensing Technology Center of Japan (RESTEC) และยังมีแผนจะประกันพืชผลเศรษฐกิจอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรชาวไทยทั่วทุกภูมิภาคต่อๆ ไป วิกฤติโควิด-19 เป็นเหมือนตัวเร่งให้เราต้องพร้อมเร็วขึ้น เราโชคดีที่ได้เตรียมระบบต่างๆ ไว้แล้วล่างหน้า และจากการปรับยุทธศาสตร์องค์กรครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถยกระดับการให้บริการไปอีกระดับ ซมโปะ มุ่งมั่นตามคำมั่นสัญญาในการพัฒนาเพื่อความมั่นคง สุขภาพ ความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีของคู่ค้าและลูกค้าในทุกที่ทุกเวลา ตามสโลแกน “ดูแลคนไทยด้วยหัวใจญี่ปุ่น” รู้จักซมโปะให้มากขึ้น คลิก! ‘www.sompo.co.th’ปรึกษาเรื่องประกัน โทรหาซมโปะ 02-119-3000Facebook : @SompoThailandLine Official Account : @SompoThailand#SOMPO #ซมโปะประกันภัย #ดูแลคนไทยด้วยหัวใจญี่ปุ่น