“สุวัจน์” เปิดงานประเพณีลอยกระทงโคราช ย้ำ รักษาประเพณีเป็นการยึดโยงเอกราช ยึดโยงอธิปไตย ยึดโยงให้คนทั้งชาติเป็นน้ำหนึ่งใจเดี่ยวกัน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2563 เวลา 19.00 น. ที่บริเวณบึงหัวทะเล ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา เทศบาลตำบลหัวทะเล ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา ได้จัดประเพณีลอยกระทงโคมไฟ ประจำปี 2563 อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงาน และมีนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา, นายเอกภพ โตมรศักดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวทะเล และมีประชาชนชาวโคราช พากันมาร่วมงานประเพณีลอยกระทงกันอย่างคึกคักประมาณ 10,000 คนนายสุวัจน์ กล่าวเปิดงานว่า ต้องขอชมเชยท่านนายกเทศบาลหัวทะเล และเทศมนตรี และคณะที่ได้จัดกิจกรรมประเพณีลอยกระทงอย่างต่อเนื่อง และได้มีการพัฒนาบึงหัวทะเลให้เป็นสถานที่เป็นศูนย์ร่วมของพี่น้องประชาชน ทำให้เป็นจุดกำเนิดแห่งความรักและความสามัคคี และก็ได้ร่วมมือกับจังหวัดและกองทัพและหน่วยงานราชการต่างๆ พัฒนาสร้างความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง ให้กับบึงหัวทะเล และชาวหัวทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.วัชรพล โตมรศักดิ์ ซึ่งได้ใช้บทบาทหน้าที่ของสมาชิกผู้แทนราษฎร และเป็นคณะกรรมการงบประมาณ ในการผลักดันงบประมาณต่างๆ ในการพัฒนาจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งวันนี้ทำให้อำเภอเมือง โดยเฉพาะบึงหัวทะเลเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในวันนี้เราก็ได้มีการจัดงานลอยกระทง ถือว่าเป็นประเพณี ที่สำคัญที่คนไทยได้ถือปฏิบัติเป็นส่วนหนึ่ง ยินดีที่ได้เห็นการรักษาประเพณี เพราะว่าบ้านเรามีประเพณีหลายอย่างเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราก็ร่วมกันจัดรักษาไว้ ไม่ว่าสงกรานต์ เข้าพรรษา ออกพรรษา ลอยกระทง ตรุษจีน ซึ่งป็นประเพณีที่พวกเราร่วมกันจัดรักษาประเพณีไว้ ทำให้เราผูกพันประวัติศาสตร์ของชาติ ทำให้เรารักมีความห่วงแหนในแผ่นดินนี้ ชาติบ้านเมืองไหนที่มีประเพณีเก่าๆ และรักษาเอาไว้ สิ่งนั้นก็จะเป็นการยึดโยงเอกราช ยึดโยงอธิปไตย ยึดโยงให้คนทั้งชาติเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การที่เราได้ช่วยกันจัดงานเทศกาลประเพณีต่างๆ ถือว่าเป็นพื้นฐานในการสร้างความรักความเข้าใจในหมู่พี่น้องประชาชนชาวไทย แล้วคนโคราช ช่วยกันจัดทำให้คนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกันอยู่ ตลอดเวลาเลย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากนอกจากนี้ จากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน วันนี้เราต้องจับมือกันฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน ในการร่วมมือในมาตรการในการที่จะจัดการเรื่องความปลอดภัยชีวิตจากโควิด เราก็ต้องมีการร่วมมือที่จะจัดการที่จะต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจควบคู่กันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการท่องเที่ยว สำคัญมากเพราะเป็นรายได้หลัก ที่มาสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างเม็ดเงิน ให้กับพี่น้องประชาชนในชนบท แต่ว่าในขณะนี้ เราได้รับผลกระทบ เพราะเราต้องปิดประเทศเพื่อจะจัดการกับป้องกันโควิด ฉะนั้น นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาเที่ยวในประเทศก็จะน้อยลงๆ ปีหนึ่ง 40 ล้านคน แต่ปีนี้ทั้งปีคาดว่าอาจจะไม่ถึง 5 ล้านคน ฉะนั้น นักท่องเที่ยวที่หายไป 35 ล้านคน ก็จะกระทบต่อวิถีชีวิต กระทบเศรษฐกิจในชนบท กระทบกับสินค้าโอทอป กระทบต่อร้านค้า กระทบต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทุกคนได้รับผลกระทบมากนายสุวัจน์ กล่าวว่าในวันนี้ที่เราได้จัดงานในลักษณะเช่นนี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยให้ออกมาใช้จ่าย ออกมาช่วยชาติบ้านเมืองกัน วันนี้เราต้องรอให้โควิดมันจบ อาจจะอีกสักปี ถ้าจบเมื่อไรผมเชื่อว่าพื้นฐานที่ดีที่คนไทยสร้างไว้ ชื่อเสียงคนไทยที่จัดการเรื่องโควิดอยู่ ทำให้ทั่วโลกอยากมาเมืองไทยมากขึ้น ตอนนี้เค้ารออย่างเดียว ว่าโควิดจบเมื่อไร ประเทศไทยจะเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่อยากมาลงทุนและอยากมาเที่ยว“ตอนนี้เราคนไทยต้องรักกัน คนไทยต้องช่วยกัน ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ เมดอินไทยแลนด์ ลงทุนในประเทศไทย เที่ยวเมืองไทย 40 ล้านคนไม่มา คนไทยต้องออกมาเที่ยว ใครพอมีพื้นฐาน มีฐานะ ไม่ยากลำบากหนัก ก็ออกมาช่วยกันเที่ยว ออกมาช่วยกันใช้จ่าย เพื่อช่วยพี่น้องประชาชน ช่วยเหลือผู้ประกอบการไม่ให้เจ๋ง ให้เค้าอยู่ได้ ให้มีการจ้างงานต่อไป การจัดงานในวันนี้ เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เชิญชวนคนไทย มาเที่ยว และได้ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัด ในโคราชเรามีของดีอยู่เยอะ ถ้าเกิดเราสามารถจัดงาน ให้พี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ ได้เห็นของดีของเรา เห็นผ้าไหม โอทอป ดินด่านเกวียน สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ เห็นนาฏศิลป์ต่างๆ และอยากมาเที่ยวโคราช อันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะมาช่วยเศรษฐกิจได้”นายสุวัจน์ กล่าวยกตัวอย่าง วันเสารที่ 7 พฤศจิกายนนี้ เราจะมีการจัดงานศิลปะแห่งการต่อสู้มวยไทย โดยเฉพาะมวยไทยโคราช ที่ชกกันไม่ใส่นวม ที่เรียกว่า มวยคาดเชือก คณะผู้จัดมวยไทยไฟท์ก็ได้ไปจัดหน้าศาลาการจังหวัดท่านผู้ว่าฯ ก็ช่วยอนุเคราะห์สถานที่ อย่างนี้ก็เป็นการอวดของดีเมืองโคราช แล้วเราก็ถ่ายทอดสดให้คนไทยทั่วประเทศได้รับชม พี่น้องประชาชน ใครอยากจะชมหน้าศาลากลางก็ไปได้ หรือจะชมที่บ้านท่านจะได้ภาคภูมิใจกับศิลปะการต่อสู้ของคนไทย และศิลปะการต่อสู้ จากจุดกำเนิดคำว่า “มวยไทย” มวยโคราช ที่ต่อยแบบคาดเชือก ที่เป็นของคนโคราช บรรยากาศอะไรอย่างนี้เราช่วยรักษาและช่วยกันจัด มันจะดีกับเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง“ผมขอขอบพระคุณคณะกรรมการที่ได้จัดงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ และในเนื่องงานลอยกระทงในปีนี้ ลอยกระทงกันจริงๆ น้ำเต็มตะลิ่ง ผมวิ่งผ่านลำตะคองน้ำก็เต็ม ทุกเขื่อนเต็มหมด บางทีก็เต็มมากเกินไปน้ำก็ไปหล่น ก็ไปมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนชาวโคราช ตอนนี้ก็คลี่คลายไปได้เยอะ ขอบคุณ ส.ส.วัชรพล หมอวรรณรัตน์ ที่ได้ดูแลศูนย์คนโคราช รักจริงไม่ทิ้งกัน มีโควิดก็ออกไปช่วย น้ำท่วมก็ออกไปช่วย นี้คือ น้ำใจของคนโคราช รักจริงไม่ทิ้งกัน ทำให้บ้านเมืองของเราแคล้วคลาดอันตรายต่างๆ อยู่ได้ด้วยความปลอดภัยทุกเรื่อง ในโอกาสประเพณีลอยกระทงวันนี้ ผมขอให้พี่น้องประชาชน ได้ลอยกระทง ขอให้คำอธิฐานของท่านที่มี ต่อแม่พระคงคามีความศักดิ์สิทธิ์ ได้เป็นจริง และขอให้พระแม่คงคาได้รักษาชาติบ้านเมืองเราให้มีความปลอดภัย ให้พ้นภัยจากเศรษฐกิจ และรักษาบ้านเมืองโคราชของเราให้มีความเจริญยิ่งๆขึ้นไป”นายสุวัจน์ กล่าว ทั้งนี้ บรรยากาศภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิ การประกวดกระทงจิ๋ว การประกวดกระทงอนุรักษ์ธรรมชาติ การประกวดกระทงสร้างสรรค์ การประกวดหนูน้อยนพมาศ และการแสดงโคมไฟต่างๆ ที่นำมาประดับประดาสวยงามอยู่ทั่วบริเวณริมบึงหัวทะเลทั้งนี้ประชาชนได้นำกระทงมาลอยที่บริเวณท่าน้ำ ที่ทางเทศบาลตำบลหัวทะเลจัดให้กันอย่างเนืองแน่น ขณะเดียวกันได้มีพ่อค้า แม่ค้านำกระทงมาจำหน่าย ทั้งกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ และกระทงขนมปัง ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนซื้อนำไปลอยกันอย่างคึกคัก.