จุดเปลี่ยนแบบก้าวกระโดดมาทำในสายอาชีพที่ต่างจากที่เรียนและต้องทำงานที่ผสมผสานความสัมพันธ์ ทั้งแพทย์และวิศวกรก็ถือว่าเป็นอาชีพอันดับต้น ๆ ที่เรียกว่าพอมาทำงานด้วยกันมันกลายเป็นเรื่องท้าทายทันที ด้วยประสบการณ์การทำงานในสายวิศวกรรมไฟฟ้ามาถึง 8 ปี ต้องมาเรียนรู้ข้ามสายงานจากความรู้เป็นศูนย์ก็ค่อยๆ เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ จนถึงวันหนึ่งที่คิดว่าความรู้ที่มีไม่พอที่จะทำธุรกิจเติบโตได้จึงตัดสินใจเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจเพิ่มเติม และการตัดสินใจครั้งนั้นทำให้รู้ว่าคุ้มค่ามาก ทั้งความเป็น specialist กับ Logical thinker พอมารวมกันก็กลายเป็น Good combination ได้อย่างดีในการทำธุรกิจ เรียกว่า หน้าบ้าน งานปฎิบัติการคุณหมอดูแลคนไข้ ให้สบายใจ เนรมิตความสวยหล่อให้ทั้งถูกใจและปลอดภัยคือเรื่องสำคัญที่สุด รองลงมาคือส่วนหลังบ้านที่ต้องทำ design thinking วางระบบและคิดแบบมีแบบมีแผน หาเทคโนโลยีเข้าช่วยพร้อมกับวางแผนเรื่องการตลาด บริหารทรัพยากร และที่สำคัญคือการวางกลยุทธในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานที่ต้องผสมทั้งเรื่องงานและความสัมพันธ์ มันทำให้มีบางครั้งต้องหาจุดที่พอดีร่วมกัน ถึงอาจจะมีขัดแย้งบ้าง แต่ส่วนสำคัญคือทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อ พิชิตเป้าหมายที่วางไว้และความสัมพันธ์ยังแนบแน่นเหมือนเดิม อีกทั้งการทำงานที่ต้องแลกเปลี่ยนความเห็น การวางแผนกลยุทธ์ สำคัญคือการขอระดมความเห็นจากทีมงาน ความสดใหม่ของไอเดียมาเติมเต็ม คือต้องไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ และไม่ว่างานจะยุ่งขนาดไหนเรื่องสุขภาพก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และต้องหาเวลาไปเที่ยว ให้เวลากับตัวเองให้กับครอบครัว เพราะความคิดดีๆ จะมาตอนที่เรากำลังมีความสุข สุดท้ายนี้ยังเชื่อว่าความสัมพันธ์กับการทำงานไปด้วยกันเป็นสิ่งที่ดีและทำได้ เพราะความสัมพันธ์ราบรื่น สบายใจ ไม่ว่างานไหนก็สำเร็จ และไม่ยึดติดกับความรู้ที่เรียนมา ไม่ยึดติดกับสายอาชีพ แต่ขอให้ยึดติดที่เป้าหมายและสิ่งที่รักที่อยากจะทำ หรือทำแล้วมีความสุข เพราะไม่ว่างานไหนถ้าทำด้วยใจรัก ทำด้วยความทุ่มเท ตั้งใจยังไงก็ว้าวววว