เชื่อเลยว่ายุคนี้ หากใครที่กำลังเลี้ยงแมวหรือตกอยู่ในสภาวะทาสแมว คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพจที่ล้นไปด้วยความรักและรอยยิ้มของครอบครัว “กองทัพ ยายี” ที่นำความอบอุ่นมาจากพี่ชาคริตและน้องกัปตัน มาแบ่งปันให้มีความสุขไปด้วยกัน - พี่ชาคริต จุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักเหล่านี้ –ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน คุณสิ...คุณแม่ของพี่ตัน พี่คริตได้เจอกับแมวไทย-เปอร์เซียหรือพี่ชาคริต คนที่ 1 ครั้งแรกที่ใต้บันใดหนีไฟคอนโดที่พักในสภาพถูกทำร้าย ความสงสารและถูกชะตาทำให้คุณสิได้ช่วยเหลือพาพี่ชาคริต มารักษา เลี้ยงดู จุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักนี้ได้เริ่มขึ้น… หลังจากพี่ชาคริตเริ่มคุ้นชินกับผู้คน พี่ชาคริตก็กลายเป็นพระเอกประจำร้านเสริมความงาม ที่คุณสิเปิดทำธุรกิจอยู่ และเป็นลูกชายคนแรกของคุณสิ จนเมื่อคุณสิแต่งงานเริ่มตั้งท้องเจ้าตัวเล็ก…ลูกชายคนที่ 2 คือน้องกัปตันนั่นเอง - สัมผัส ผูกพัน สายสัมพันธ์เดียวกัน -จากความเชื่อที่ว่า ถ้าเอาแมวมากอด มาสัมผัสที่พุงเราที่กำลังท้องอยู่ แมวกับเด็กในท้องจะผูกพันกันเหมือนพี่น้อง ! เมื่อน้องกัปตันคลอดออกมา คุณสิก็พาน้องกัปตันมารายงานตัวกับพี่ชาคริต ในฐานะพี่ชายคนโตก็ต้อนรับน้องชายด้วยการดมที่ฝ่าเท้าน้องไปหลายฟอด จากนั้นก็เลี้ยงคู่กันมา พอน้องกัปตันเริ่มคลานได้ก็จะคลานเข้าหาพี่ชาคริตแล้วไปนอนกินนมอยู่ใกล้ๆ แล้วก็หลับคาพุงพี่ชาคริตทุกครั้ง ไม่ว่าน้องกัปตันเล่นอะไรหรืออยู่ตรงไหนจะมีพี่ชาคริตคอยดูแลอยู่ข้างๆ น้องกัปตันทุกครั้ง เป็นเพื่อนเล่นของน้องได้ทุกรูปแบบ ไม่เคยทำร้ายน้องแม้แต่นิด เขาสองคนสนิทกันมากขึ้น จนกลายเป็นสายสัมพันธ์เกิดขึ้นระหว่างน้องกัปตันกับพี่ชาคริตจนเรียกรวมๆ ได้ว่านี่คือครอบครัว “กองทัพ ยายี” เขาทั้ง 2 คน กลายเป็นคู่พี่น้องที่มาเติมเต็มคำว่าแม่ พ่อ และครอบครัวของคุณสิได้ครบสมบูรณ์มากขึ้นเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งวันสุดท้ายของพี่ชาคริตมาถึง...ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่สองพี่น้องได้แอดมิทเข้าโรงพยาบาลพร้อมกัน น้องกัปตันมีอาการไข้สูง พี่ชาคริตก็อาการหนักเพราะอายุมากแล้วถึงเกือบ 18 ปี เมื่อป่วยพร้อมกัน ต้องแยกกันส่งลูกๆ เข้ารับการรักษา คุณพ่อไปส่งพี่ชาคริตที่โรงพยาบาลสัตว์ คุณแม่ก็ไปส่งน้องกัปตันที่โรงพยาบาลในย่านศรีนครินทร์ สองพี่น้อง แอดมิทพร้อมกัน ในคืนนั้น ... ยังไม่พ้นคืนนั้นเลย โรงพยาบาลโทร.มาเรียกให้ไปดูใจพี่ชาคริต คุณหมอ บอกว่า “ก่อนจากไปพี่ชาคริต รวบรวมพลังสุดท้าย ลุกขึ้นยืน ร้องเรียกเจ้าของเสียงดังมาก ให้มาดูใจพี่ชาคริตด่วน....” คุณพ่อรีบไปทันที เดินทางไปดูใจพี่ชาคริตคนเดียว เพราะคุณแม่ต้องดูแลน้องกัปตันที่มีอาการน่าเป็นห่วงไข้สูงอยู่ที่โรงพยาบาล ความเสียใจของคุณสินั้นทวีคูณเพิ่มขึ้นจนแทบขาดใจ อยากไปกอด อยากไปบอกพี่ชาคริตเป็นครั้งสุดท้ายว่า ม่ามี๊รักพี่ชาคริตสุดหัวใจ ให้พี่ชาคริตไปสบายไม่ต้องห่วงน้อง ม่ามี๊จะดูแลน้องแทนพี่ชาคริตนะลูก และในที่สุดพี่ชาคริต พี่ชายคนโตของบ้าน ก็จากไปอย่างสงบในเวลาเที่ยงคืน - พี่ชายคนโตของบ้าน-ช่วงที่พี่ชาคริตไม่อยู่ เหมือนกับว่าคำว่าครอบครัว “กองทัพ ยายี” ได้ขาดหายไป เมื่อน้องกัปตันกลับจากโรงพยาบาล มาถึงบ้านก็ร้องเรียกหาพี่ชาคริต คุณสิ บอกน้องกัปตันว่า “พี่ชาคริต หลับแล้วพรุ่งนี้ ค่อยเจอกันกับพี่ชาคริตก็ได้ครับลูก” ทุกๆ วัน น้องกัปตันตื่นมาก็จะถามหาทุกวันเป็นระยะเวลาเกือบ 3 สัปดาห์ คนเป็นแม่ ก็บอกเดิมๆ ว่าพี่ชาคริตหลับ รอพี่ชาคริตตื่นก่อนนะลูก น้องกัปตันก็ร้องไห้ บอกว่า ขอไปนอนกินนมกับชาคริต จะไม่ทำเสียงดังแต่ขอไปนอนใกล้ ๆ ทำให้ คนเป็นพ่อและแม่มองหน้ากัน น้ำตาไหลทั้งคู่ ความเสียใจของคุณสิ ที่แม้จะ “เสียใจ แต่ไม่เคยเสียดายเลย เพราะช่วงที่พี่ชาคริตอยู่ เราดูแลและทำหน้าที่แม่ดีที่สุดแล้ว” ด้วยความคิดถึงของคนในบ้าน ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ตัดสินใจว่าจะหาแมวตัวใหม่ที่ใช้ชื่อเดิมว่า “พี่ชาคริต...พี่ชายคนโตของบ้าน” จนในที่สุด น้องสาวที่สนิทกันได้ให้แมวมาแทนพี่ชาคริตคนที่ 1 แต่เป็น เพศหญิง ลูกแมวพันธุ์สก๊อตติชโฟลด์ที่สีพอจะคล้ายๆ กับพี่ชาคริตคนที่ 1 มาทันเวลาก่อนที่น้องกัปตันจะร้องไห้ไปมากกว่านี้ - เริ่มต้นใหม่ด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่น- วันไปรับพี่ชาคริต คนที่ 2 บอกกับน้องกัปตันว่าเราไปรับพี่ชาคริตกลับบ้านกันนะลูก น้องกัปตันดีใจ ถามว่า “ที่ไม่เจอชาคริตที่บ้าน ชาคริตไปเที่ยวเหรอครับม่ามี๊” คนเป็นพ่อกับแม่ยิ้มทั้งน้ำตา มองหน้ากันในความไร้เดียงสาของลูกชายที่คิดถึงพี่ชายเหมียวของเขา ทันทีที่ได้เจอกัน น้องกัปตันวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายของเขาด้วย 2 มือเล็กๆ บวกกับสายตาที่คิดถึง และคำถามที่อบอุ่นว่า “ทำไมยูตัวเล็กจัง ทำไมยูไม่กินข้าว? ยูหิวข้าวไหม ? ไออยากกอดยูมาหลายวันแล้วนะชาคริต กลับบ้านกันเถอะชาคริต ยูอย่ามาเที่ยวไกลอีกนะ ไอร้องไห้เยอะมาก” ด้วยความไร้เดียงสาทำให้น้องกัปตันเข้าใจว่าแมวสก๊อตติชโฟลด์ตัวนี้คือ พี่ชาคริต พี่ชายคนเดิมของเค้า หลังจากวันนั้นสัมพันธ์ของทั้งคู่พี่น้องเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง น้องกัปตันดูแลพี่ชาคริตเป็นอย่างดี ทั้งคอยเช็ดทรายที่เท้าให้พี่ชาคริต เฝ้ากินข้าว คอยเตือนคุณแม่ว่า “อย่าลืมให้อาหารพี่ชาคริต” “อย่าลืมให้พี่ชาคริตกินซุปปลาบำรุงจะได้ตัวใหญ่ขึ้น” กลัวว่าพี่ชาคริตจะกลับไปผอมลงอีก รวมถึงพี่ชาคริตเองที่สอนให้น้องกัปตันโตขึ้นและเรียนรู้ที่จะรักคนอื่นเป็น รวมถึงสอนตัวคุณสิเองด้วย และที่สำคัญพี่ชาคริตได้เข้ามาช่วยเติมเต็มให้ “กองทัพ ยายี” ให้เต็มอีกครั้ง คุณสิกล่าวว่า “เวลาเห็นพวกเค้าอยู่ด้วยกัน เหมือนพวกเค้าสื่อสารกันได้ ภาพที่เราเห็นเป็นภาพพี่ชายกับน้องชายกำลังใช้เวลาร่วมกันด้วยความอบอุ่น” ซึ่งตัวคุณสิก็เชื่ออีกเหมือนกันว่าแฟนเพจอีกกว่า 5 แสนกว่าคนก็เห็นเช่นนั้น และพร้อมเฝ้าดูพวกเขาเติบโตไปพร้อมกัน - ดูแลให้ดีเหมือนลูกคนนึง- ด้วยทั้งหมดนี้คุณสิเลยอยากดูแลพี่ชาคริตให้ดี และดีมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เหมือนลูกชายคนนึง โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน คุณสิเล่าให้ฟังว่า “เลือกเยอะมากๆ อย่าง ชูชู อาหารบำรุงที่พี่ชาคริตทานอยู่ตัวนี้ เราเริ่มตั้งแต่ค้นหาข้อมูล ศึกษาอย่างละเอียดว่าของเขานำเข้าวัตถุดิบไฮโดรไลซ์โปรตีนมาจากยุโรป บวกกับที่เรารู้จักกับทางทีมที่ทำแบรนด์ชูชูว่าเขามีประสบการณ์และสัตวแพทย์ ทำให้ยิ่งอุ่นใจ เราจึงให้พี่ชาคริตลองกิน ซึ่งพอหลังจากพี่ชาคริตเริ่มกินชูชู บูสเตอร์ สมูทตี้ พี่ชาคริตก็ตัวแน่นขึ้น ขนฟูน่ากอดกว่าเดิม” - ข้อแนะนำจากคุณหมอ - สัตวแพทย์หญิง วนารัตน์ บารมีรังสิกุล (คุณหมอนา) มีข้อแนะนำการดูแลน้องแมว เมื่อต้องอยู่กับเด็กเล็ก "เริ่มต้นด้วยควรทำวัคซีน ถ่ายพยาธิให้ครบตามโปรแกรม ต่อมาคือหมั่นแปรงขนให้น้องแมวทุกวัน และอาบน้ำให้น้องแมว 1-2 สัปดาห์/ครั้ง ที่สำคัญอย่าลืมให้น้องล้างมือทุกครั้งหลังเล่นกับน้องแมวนะคะ ที่สำคัญคือการเก็บอึและฉี่น้องแมวไปทิ้งทุกวัน และอย่าลืมทำความสะอาดกระบะทรายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง นอกเหนือจากการดูแลน้องแมวตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ผู้ปกครองควรสอนน้องให้เล่นกับน้องแมวอย่างอ่อนโยน ไม่เล่นรุนแรงหรือทำให้น้องแมวตกใจเพราะน้องแมวอาจจะป้องกันตัวตามสัญชาตญาณทำให้เกิดอันตรายกับน้องได้" “ชูชู บำรุงขั้นสุด เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” สนใจสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าชูชูอาหารบำรุงแมวได้ที่: Facebook: choochoopetclubLine: @choochoopet