กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติ และ JD Central (บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จํากัด) จัดงานประกาศรางวัลและจัดแสดงผลงานนิทรรศแสดงผลงานสร้างสรรค์ ภายใต้โครงการ “เครือข่ายภาคีโรงเรียนเสมอภาค” หรือ “Equity Partnership’s School Network” ปีที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อการศึกษาแนวทางการทํางานร่วมกันเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ระหว่างสถานศึกษา ครู และนักเรียนในพื้นที่ชนบท และสถานศึกษาในเขตเมือง โดยการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ร่วมกันเพื่อส่งเสริมด้านการพัฒนาทักษะอาชีพ ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า “โครงการ Equity Partnership’s School Network เกิดจากความร่วมมือของ 3 ฝ่าย คือ กสศ. เครือข่ายโรงเรียนนานาชาติ และบริษัท JD Central โดยเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติ และบริษัท JD Central ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา กับ กสศ. ผ่านกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ การใช้เทคโนโลยี e-Commerce และการพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการในศตวรรษที่ 21 (Entrepreneurial Skill) ระหว่างโรงเรียนภาคีในเครือข่าย” โดย กสศ. สนับสนุนให้เกิดกิจกรรมเพือพัฒนาทักษะอาชีพ เพื่อเสริมทักษะชีวิตให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาค ที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า เข้าร่วมในโครงการ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ร่วมกับนักเรียนเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติ และนำมาจำหน่ายในช่องทางของ JD Central โดยรายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดจะมอบให้กับนักเรียนทุนเสมอภาคในโรงเรียนสังกัด สพฐ. โดยไม่หักค่าใช้จ่ายเพื่อให้เด็กๆ นำไปต่อยอดเพื่อส่งเสริมด้านการพัฒนาทักษะอาชีพในอนาคต โครงการนี้ได้ถูกจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 หลังจากได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีในปีแรก ซึ่งในครั้งนี้มีโรงเรียนในเครือข่าย กสศ. เข้าร่วมจำนวน 11 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนทาเหนือวิทยาและโรงเรียนบ้านขุนแปะ จ. เชียงใหม่, โรงเรียนบ้านห้วยต้มชัยยะวงศาอุปถัมภ์ จ.ลำพูน, โรงเรียนบ้านดงหม้อทอง จ.สกลนคร, โรงเรียนบ้านเจริญสุข จ.บุรีรัมย์, โรงเรียนบ้านห้วยเปล้า จ.อุทัยธานี, โรงเรียนบ้านชัฏฝาง จ.ชัยนาท, โรงเรียนวัดท่ายาง จ.นครศรีธรรมราช, โรงเรียนสมาคมพยาบาลไทย จ.น่าน, โรงเรียนเสนศิริอนุสรณ์ จ.บุรีรัมย์ และโรงเรียนอนุบาลเกาะคา จ.ลำปาง พร้อมด้วยเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติที่เข้าร่วมโครงการ 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์กรุงเทพ และโรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ จากความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน นักเรียนทั้งสองกลุ่มสามารถจำหน่ายสินค้าไปได้กว่า 1,000 ชิ้น รวมเป็นยอดขายสูงถึง 400,000 บาท ภายในกรอบระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ซึ่งบางสินค้าก็ทำยอดขายได้เกินกว่าที่ทางทีมงานคาดการณ์ไว้ถึง 3 เท่า “หัวใจสำคัญคือการสร้างพื้นที่เรียนรู้ร่วมกันระหว่างนักเรียนชนบทและเมืองอย่างไม่มีช่องว่างของความเหลื่อมล้ำ เด็กๆ ต่างมีศักยภาพที่แตกต่างกัน และนี่คือสิ่งพิเศษที่พวกเขาเติมเต็มซึ่งกันและกันได้ กสศ. และเครือข่ายภาคีโรงเรียนเสมอภาค อยากเห็นสังคมไทยมีความก้าวหน้าเป็น Thailand 4.0 ที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม ผ่านระบบการศึกษาที่มีความเสมอภาค เด็กและเยาวชนในวัยเรียนเป็นวัยที่มีพลัง ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนเรียนที่ไหน ก็สามารถร่วมกันสร้างประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีหากเด็กและเยาวชนจากบริบทที่มีความหลากหลายได้มีโอกาสรู้จัก หรือทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะร่วมกันตั้งแต่ในวัยเรียน เมื่อก้าวพ้นจากสถาบันการศึกษา ภาพของสังคมไทยในอนาคตจะเป็นภาพที่ทุกคนสามารถทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะร่วมกันได้แม้จะมีความแตกต่างกัน เพื่อสร้างสังคมที่มีความเสมอภาค เมื่อเราเข้าใจกันทำงานร่วมกันปัญหาเรื่องการแบ่งแยกก็ไม่เกิดขึ้น” ดร.ไกรยส กล่าว ดร.ไกรยส กล่าวว่า กสศ. มุ่งหวังว่านักเรียนมากกว่า 100 ชีวิตที่ได้ร่วมกิจกรรมในการทำงานร่วมกันของสถานศึกษาที่เข้าร่วมในโครงการเครือข่ายภาคีโรงเรียนเสมอภาค หรือ Equity Partnership’s School Network ในวันนี้ ได้เกิดการพัฒนาทักษะด้านอาชีพและการเรียนรู้การทำงานร่วมกันในสังคม นอกจากนี้เราหวังว่าจะสามารถขยายผลสนับสนุนการพัฒนากิจกรรมฝึกทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต ให้แก่นักเรียนด้อยโอกาสในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศในอนาคต เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา และความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ Lor-Ae ซึ่งเป็นทีมน้องๆนักเรียนจากโรงเรียนบ้านห้วยต้มชัยยะวงศาอุปถัมภ์ และโรงเรียนนานาชาติ Bangkok Patana School ส่วนรองชนะเลิศคือทีม Le Beua โรงเรียนสมาคมพยาบาลไทย และโรงเรียนนานาชาติ Shrewsbury School และทีมBorn in TH จากโรงเรียนบ้านทาเหนือ และโรงเรียน Bangkok Patana School คว้าอันดับ 3 จากการร่วมประกวดในครั้งนี้