Cherish แบรนด์ของคนรุ่นใหม่ ไลฟ์สไตล์เต็มที่กับชีวิตและใส่ใจสุขภาพไปพร้อมกัน
Cherish เป็นแบรนด์ที่ก่อตัวขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เต็มที่กับทุกกิจกรรมแต่ไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลตัวเองและพักผ่อนน้อย และรวมไปถึงผู้คนทุกเพศทุกวัยที่ใส่ใจในการดูแลสุขภาพและผิวพรรณของตัวเองให้ดูดีและแข็งแรงอยู่เสมอ โดยแบรนด์มุ่งเน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ใช้แล้วเห็นผลจริง และราคาจับต้องได้ เข้าถึงได้ทุกคน
โดยแนวคิดแบรนด์ Cherish มาจากไลฟ์สไตล์ของคุณแอมและคุณเจมส์ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่วัน ๆ หนึ่งทำกิจกรรมอย่างเต็มที่มาก ๆ ทั้งเจอแสงแดด ทั้งสิ่งแวดล้อมและมลภาวะต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายและผิวพรรณเกิดความเสียหายและทรุดโทรมลง เลยทำให้ในหลาย ๆ ครั้งทั้งสองกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ นี้จนทำให้กลัวและไม่กล้าที่จะเต็มที่กับกิจกรรมที่ทั้งสองนั้นทั้งรักและชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ
เนื่องจากทั้งคู่ไม่ยอมที่จะให้ปัญหาเหล่านั้นมาทำลายความสุขและความสนุกของทั้งคู่ ทั้งสองจึงมีแนวคิดที่จะหาตัวช่วยดี ๆ ที่จะมาดูแลตัวเอง ทั้งเสริมสร้างและพื้นฟูผิวพรรณให้สวยใส ไร้สิว มีออร่า รวมถึงสุขภาพร่างกายโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกระดูก ไขข้อต่อต่าง ๆ และการสร้างภูมิต้านทานให้ได้มากขึ้น ซึ่งทำให้ทั้งคู่ไม่ต้องกังวลหรือกลัวที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชื่นชอบได้อย่างเต็มที่ต่อไป
ดังนั้นทั้งคุณแอมและคุณเจมส์จึงเริ่มก่อกำเนิด cherishbrandofficial ขึ้นมาเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เต็มที่กับกิจกรรมต่าง ๆ และการใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับการดูแลตัวเองให้ดูดีและมีสุขภาพที่แข็งแรง
โดย Cherish ได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งมี ก้าวหน้าและเทอร์โบ ที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่เป็นพรีเซนเตอร์คู่แรก และมีคุณแอมและคุณเจมส์เป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งทั้งคู่นั้นยังมีโรงงานผลิตเป็นของตนเองที่เป็นโรงงานในเครือเดียวกันกับ บริษัท Coffee Farmer (Thailand) และ บริษัท อัญดาคอฟฟี่ จำกัด อีกด้วย ซึ่งแบรนด์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งไปนั่นก็คือ Cherish Collagen Flavor Peach
โดยส่วนผสมหลัก ๆ ของ Cherish Collagen Flavor Peach ได้แก่
คอลลาเจนไดเปปไทด์ (Collagen Dipeptide) 10,000 mg นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีขนาดโมเลกุลเฉลี่ยเล็กมากทำให้ไม่จำเป็นต้องถูกย่อยที่กระเพาะอาหาร แต่จะถูกลำเลียงและดูดซึมที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด และด้วย Technology Target Boosting ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่ทำให้คอลลาเจนไดเปปไทด์เข้าสู่เซลล์ผิวหนังได้โดยตรง ทำให้สามารถซ่อมแซมและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากเรื่องผิวแล้วยัง
1. ช่วยเพิ่มน้ำในข้อต่อ ทำให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ไม่เกิดการขัดกันเวลาขยับตัว
2. ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรง
3 ช่วยควบคุมการทำงานเซลล์ที่ทำหน้าที่ทำลายกระดูกและเซลล์ที่สร้างกระดูก (Osteoblast และ Osteoclasts) ให้ทำงานอย่างสมดุลเพราะกระบวนการสร้างกระดูกจะมีการสลายและสร้างทดแทนกันอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคอลลาเจนไดเปปไทด์จึงมีส่วนช่วยในการควบคุมสมดุลภายในเซลล์กระดูก
4. ลดภาวะโรคข้อเสื่อม (OA) เนื่องจากว่าคอลลาเจนไดเปปไทด์ จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกอ่อน ทำให้โอกาสในการเป็นโรคข้อเสื่อมลดน้อยลงไปด้วย
นอกจากนั้นยังมี อะเซโรล่าเชอร์รี่ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีปริมาณ กรดแอสคอร์บิก หรือวิตามินซีสูงที่สุดชนิดหนึ่ง และมีไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างสดใส ให้ผิวขาวใส อมชมพู และช่วยส่งเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกันของร่างกาย บำรุงร่างกายโดยรวม และป้องกันหวัด หรือรับประทานเพื่อบำรุงร่างกายโดยรวม
ซึ่งอะเซโรล่าเชอร์รี่ มีความโดดเด่นในเรื่องของวิตามินซีธรรมชาติ ที่มีปริมาณมาก โดยให้ปริมาณวิตามินซีสูงกว่าส้ม 30-80 เท่า และมีสารอาหารอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ไบโอฟลาโวนอยด์ วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ
โดยวิตามินซีจากธรรมชาตินั้นจะต่างจากวิตามินซีสังเคราะห์เนื่องจาก
1. วิตามินซีธรรมชาติดูดซึมได้ดีกว่าสังเคราะห์
2. วิตามินซีธรรมชาติให้สารอาหารอื่นนอกเหนือจากวิตามินซี
3. วิตามินซีธรรมชาติไม่ทำลายสารเคลือบฟัน
4. วิตามินซีธรรมชาติไม่ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
ประโยชน์ของ วิตามินซี อย่างที่ทราบกันโดยทั่วไปนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะช่วยปกป้องเซลล์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ดูแลสุขภาพและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเส้นเอ็น และคอลลาเจนเองก็มีผลมาจากปริมาณวิตามินซีในร่างกาย และวิตามินซีก็ยังมีฤทธิ์ในการเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดี จึงสามารถป้องกันการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และช่วยทำให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น ๆ ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรรับประทาน วิตามินซี ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่น ๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย เป็นต้น
อันดับต่อมาก็คือ สารสกัดจากมะเขือเทศ (Lycopene) ซึ่งไลโคปีน เป็นสารสีแดงที่พบมากในมะเขือเทศ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย มีฤทธิ์ดีกว่าเบต้าเคโรทีน และแอลฟาโทโคฟีรอลถึง 2 และ 10 เท่าตามลำดับ นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุด เป็นสารที่ละลายในน้ำมัน และจะถูกดูดซึมได้ดีในรูปของน้ำมันให้ประโยชน์สูงกับอวัยวะที่มีเซลล์ไขมันเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก เช่น ต่อมลูกหมาก และผิวหนัง
โดยประโยชน์ของไลโคปีน ได้แก่
1.ลดอัตราการเกิดสิว
2.ช่วยให้ผิวแข็งแรงทนต่อการทำลายของแสงแดดได้มากถึง 3 เท่า จึงลดความรุนแรงของการเผาไหม้ของผิวหนังจากแสงแดด ช่วยต้านมะเร็งผิวหนัง และชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
3.ช่วยให้ผิวดูสวยอมชมพูมีเลือดฝาด
4.บำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง สุขภาพดี ไม่ไวต่อแสง
5.มีฤทธิ์ที่ดีมากในการช่วยยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันชนิด LDL จึงสามารถป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัว ลดอัตราเสี่ยงของการเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
6.ลดอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งปอด
ยังมี แอล-กลูตาไธโอน (L-Glutathione) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่ากลูตา (Gluta) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิดคือ ไกลซีน (Glycine) ซิสเทอีน (Cysteine) และกลูตามิก (Glutamic) โดยกลูตาถูกจัดให้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงที่สุด พบได้ทั่วทุกเซลล์ร่างกาย โดยเฉพาะที่สมอง ตับ ไต ปอดและม้าม
โดยประโยชน์ของกลูต้าไธโอนก็คือ
1. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย
2. ช่วยกำจัดสารพิษในร่างกาย เช่น สารเคมี หรือยา
3. มีส่วนช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับภาวะเสื่อมของสมอง เช่น อัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน
4. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งเซลล์มะเร็ง
5. ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) สำหรับการสังเคราะห์เม็ดสี เมลานิน (Melanin) และกระตุ้นให้สร้าง ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) ที่เป็นเซลล์เม็ดสีอ่อนมากกว่า ยูเมลานิน (Eumelanin) ที่เป็นเซลล์เม็ดสีเข้ม ซึ่งอาจทำให้สีผิวแลดูจางลง
อีกตัวหนึ่งที่สำคัญก็คือ Fructo Oligosaccharide (FOS) หรือ ฟรุคโต โอลิโกแซ็กคาไรด์ ซึ่งเป็นอาหารที่มีคุณสมบัติเป็น พรีไบโอติก (Probiotics) โอลิโกฟรุคโตส (Oligofructose) และ อินูลิน (Inulin) เป็นสารให้ความหวานชนิดหนึ่ง ที่ให้พลังงานน้อยกว่าน้ำตาลทราย จึงมักใช้ในอาหารควบคุมน้ำหนักและอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และยังได้รับการค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพ แม้จะพบได้มากในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ แต่ฟรุคโต โอลิโกแซ็กคาไรด์ยังถูกนำมาใช้เป็นองค์ประกอบของโภชนาการอาหารต่าง ๆ เพราะให้ความหวาน 30-50% ของน้ำตาลทราย (Sucrose) และสามารถสกัดได้จาก ผัก ผลไม้ หัวหอม กล้วย กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวบาร์เลย์ และธัญพืชต่าง ๆ เป็นต้น
ซึ่งคุณสมบัติของ FOS ก็มีเช่น
1. ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์
2. เสริมภูมิคุ้มกันให้ระบบทางเดินอาหาร ป้องกันการท้องผูก และท้องเสีย
3. เพิ่มการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในลำไส้ ป้องกันโรคต่างๆ
4. เพิ่มการดูดซึมแคลเซียมและแมกนีเซียม
และสุดท้าย Sucralose (ซูคราโลส) ซึ่งเป็นวัตถุเจือปนอาหาร (Food additive) ที่ให้ความหวานที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการหรือไม่ให้พลังงาน โดยให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 600 เท่า หากเทียบง่าย ๆ ก็คือ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา จะให้ความหวานเท่ากับ Sucralose 0.00333 ช้อนชา เท่านั้น อีกทั้ง Sucralose ไม่เป็นพิษ non-teratogenic non-mutagenic และไม่เป็นสารก่อมะเร็ง จึงเป็นที่ยอมรับในการใช้ Sucralose ในการปรุงอาหารได้ นิยมใช้ Sucralose ในผลิตภัณฑ์อาหารที่ให้พลังงานต่ำ
จากส่วนผสมหลักที่ทางแบรนด์ Cherish นำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ Cherish Collagen Flavor Peach ก็พอจะทราบแล้วว่า Cherish มีความตั้งใจอย่างมากที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ให้เป็นตัวช่วยที่ดูแลทั้งผิวพรรณ ไขข้อกระดูกและสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้นถึงแม้ว่าจะทำกิจกรรมรวมถึงเผชิญกับสภาวะต่าง ๆ มาตลอดทั้งวันจนอาจจะมีเวลาดูแลตัวเองและพักผ่อนน้อย แต่ก็ยังคงสามารถทำกิจกรรมที่รักและชื่นชอบเหล่านั้นได้อย่างต่อเนื่องและไร้กังวลว่าจะต้องเจอกับมลภาวะอะไรอีกก็ตาม และ Cherish ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าจับตามาก ๆ ในตลาดสุขภาพที่ทุกคนเข้าถึงง่าย เป็นสุขภาพที่ไม่ต้องจ่ายแพง และที่สำคัญตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ควบคู่ไปกับสุขภาพที่ดีได้
หากสนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของ Cherish มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้าน Castle C สาขา Siam หรือสามารถติดต่อสั่งซื้อออนไลน์พร้อมจัดส่งฟรีทั่วประเทศได้ที่
Facebook: cherishbrandofficial
ID Line: @cherishbrand
E-mail: cherishbrandofficial@gmail.com
โทร. 064-9262669
เปิดบริการทุกวัน 10.00 - 22.00 น.
(ใบรับจดแจ้งเลขที่ 12-2-04661-5-0001)