อธิบดีพช. ให้การต้อนรับ นายสมคิด จันทมฤก ว่าที่อธิบดีพช.คนที่ 30 พร้อมฝากสานต่อภารกิจสำคัญ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชน
อธิบดี พช. ให้การต้อนรับ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายสมคิด จันทมฤก) ว่าที่อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนคนที่ 30 พร้อมฝากสานต่อภารกิจสำคัญกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชน
วันที่ 22 กันยายน 2564
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คนที่ 29 ให้การต้อนรับ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมคิด จันทมฤก ว่าที่อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนคนที่ 30 พร้อมด้วย ผศ.ดร.ศศิธร จันทมฤก ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน มอบช่อดอกไม้และของที่ระลึก รวมถึงร่วมรับฟังวีดิทัศน์ภารกิจกรมการพัฒนาชุมชน และการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมการพัฒนาชุมชน โดยมี นางวิไลวรรณ ไกรโสดา นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผู้บริหารส่วนกลาง และเจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน เข้าร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุป ณ ห้องประชุม 5001 และห้องประชุม 3003 กรมการพัฒนาชุมชน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า ในนามตัวแทนกรมการพัฒนาชุมชนทุกท่านทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และภาคีเครือข่าย ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ตลอดถึงภาคีเครือข่ายที่ขับเคลื่อนงานทุกท่าน จึงขอแสดงความยินดีกับท่านสมคิด จันทมฤก ที่ได้มีโอกาสสำคัญเข้ามารับตำแหน่ง อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ซึ่งในฐานะหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กระทรวงมหาดไทย จะเห็นได้ว่า งานของกรมการพัฒนาชุมชนนี้เป็นการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง มีการบูรณาการการทำงานทุกภาคส่วนและภาคีเครือข่าย โดยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคง และมีเสถียรภาพ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง กรมการพัฒนาชุมชน จึงมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้ ภายในปี 2565 โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมเพื่อให้ชุมชนใช้พลังชุมชน เพื่อการพัฒนาชุมชน ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยน้อมนำหลักแนวทาง ฃของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญ เนื่องในวันพัฒนา ความว่า พัฒนา คือสร้างสรรค์ เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติตน และภารกิจของนักพัฒนา ให้บังเกิดประโยชน์สุขต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความมั่นคงทางอาหาร สู่ปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ในการถอดบทเรียนจากจังหวัดลพบุรี ตำบลโก่งธนู เป็นชุมชนต้นแบบที่สามารถดูแลหมู่บ้านของตนเองได้ เน้นการพึ่งตนเองและความสามัคคีของคนในชุมชนและเพื่อเป็นการต่อยอดและขยายผลการดำเนินงานโครงการปลูกผักสวนครัวสร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับหมู่บ้าน/ชุมชนให้มีความยั่งยืน มีผู้เข้าร่วมมากถึง 12 ล้านครัวเรือน อีกทั้ง กรมการพัฒนาชุมชนจับมือกับสภาสตรีแห่งชาติฯ จัดโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทยศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงคงอยู่ และเชิดชูอัตลักษณ์คุณค่าของผ้าท้องถิ่น ให้เกิดกระแสความนิยมการแต่งกายผ้าไทยทั่วประเทศ จนมีมติ ครม. เมื่อวันที่ 9มิถุนายน 2563 เห็นชอบมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ต่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทย ตามพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” และทรงพระราชทาน “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ในการขับเคลื่อนต่อยอดให้วงการผ้าไทยเกิดการพัฒนาให้มีความทันสมัย สวมใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย และก่อให้เกิดความตื่นตัว เช่นเดียวกับ การพัฒนาผ้าของบ้านดอนกอย ด้วยการสร้างแบรนด์ การพัฒนาลายผ้า จากการออกแบบ รวบรวมองค์ความรู้ ภูมิปัญญาด้านการทอผ้า การย้อมคราม และการใช้สีธรรมชาติในการย้อมเส้นใยจากชุมชน มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย เป็นสากล สร้างคุณค่าของผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับ สร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำกระจายรายได้ให้แก่ชุมชน รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น
นายสมคิด จันทมฤก กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นกำลังสนับสนุนหลักในการสนับสนุนงานของท่านอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คนที่ 29 ซึ่งท่านจะไปปฏิบัติราชการ ในบทบาทปลัดกระทรวงมหาดไทย วันนี้ภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาเรียนรู้ข้อมูลเชิงลึก มีความเข้าใจในเนื้องานตามภารกิจกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน และเชื่อว่าคนพช. ในการทำงานจะไม่มีปัญหา เพราะมีความใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชน ทำให้งานออกมามีคุณภาพ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริง เช่น งาน OTOP หมู่บ้านนวัติวิถี หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประกอบกับสิ่งที่เป็นประจักษ์ชัดเจนในการพิสูจน์การทำงานที่มีคุณภาพนั้นคือ การได้รับรางวัลเลิศรัฐครบทุกหมวด ซึ่งเป็นเครื่องการันตีความสามารถการทำงานของกรมการพัฒนาชุมชนอย่างแท้จริง และพวกเราจะร่วมขับเคลื่อนงาน สานต่องานของท่านอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนคนที่ 29 เพื่อพัฒนาต่อยอด เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง อย่างยั่งยืนต่อไป
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่มีภารกิจสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบท โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนและการพัฒนาตนเอง ใช้หลักการพัฒนาชุมชนและกระบวนการพัฒนาชุมชนเป็นเครื่องมือในการทำงาน ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ เพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง โดยมีผู้นำอาสาสมัคร กลุ่ม/องค์กร ภาคีเครือข่าย เป็นกลไกการพัฒนาการบริหารจัดการชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นระบบ สานต่องานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงอย่างต่อเนื่อง จากการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่ปวงชนชาวไทย และสนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวพระราชดำริฯ ภายใต้การขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล มากกว่า 50,000 ครัวเรือน และจะพัฒนาเป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืช ทำให้คนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขเป็นพื้นฐาน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ มาปฏิบัติ 2 สิ่งนี้จะทำให้ประเทศชาติอยู่รอดและมีความเจริญเติบโต เพื่อก้าวไปสู่ เศรษฐกิจครัวเรือนมีความมั่นคง ประชาชนใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนอย่างมีความสุข ภายใต้วิสัยทัศน์ เศรษฐกิจฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้ ภายในปี 2565 อย่างยั่งยืนต่อไป นายสุทธิพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย.