นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการส่งเสริมการใช้ผ้าไทย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นางกุลทรัพย์ ชื่นโกสุม นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร นางณัสรี จันทร์สมวงศ์ นางจิรวรรณ เพ็ญพาส อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายเปลี่ยน แก้วฤทธิ์ รองอธิบดีกรมที่ดิน ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมที่ดิน นายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางวาสนา นวลนุกูล รองประธานชมรมแม่บ้านกรมการพัฒนาชุมชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน ร่วมในงานแถลงข่าว โดยเป็นการแถลงไปยังศาลากลางจังหวัด และจวนผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยมี ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด พร้อมด้วยสมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ร่วมรับฟังการแถลงข่าว และร่วมนำเสนอการขับเคลื่อนกิจกรรมการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ผ้าไทยในพื้นที่จังหวัด นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนส่งเสริมการใช้ผ้าไทยเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของพวกเราคนไทยทุกคน เป็นการแสดงความจงรักภักดีด้วยการปฏิบัติบูชาอย่างง่าย ด้วยการเลือกใช้เครื่องนุ่งห่ม และสิ่งของเครื่องใส่ที่ทักทอ ที่ผลิตจากผ้าไทย เพื่อเป็นการสนองแนวพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า สิ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้นำในการฟื้นคืนชีวิตช่างทอผ้า ฟื้นคืนการอนุรักษ์ภูมิปัญญา หัตถศิลป์ หัตถกรรมท้องถิ่น กระทั่งได้รับการสืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชปณิธานโดย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการทรงขับเคลื่อนเพื่อที่จะให้พระราชปณิธานที่มีจุดมุ่งหมายสำคัญยิ่ง คือ การที่จะทำให้พี่น้องคนไทยโดยเฉพาะพี่น้องผู้ที่ทุกข์ยากอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ได้นำเอาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษมาผลิต มาถักทอเป็นผ้า เป็นงานหัตถศิลป์ หัตถกรรม สร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้จุนเจือครอบครัว ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า จุดกำเนิดของพระราชปณิธานในการส่งเสริมการใช้ผ้าไทยนั้น เกิดจากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเยี่ยมเยียนให้กำลังใจพสกนิกรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในการเสด็จไปเยี่ยมเยียนพี่น้องคนไทยในทุกภูมิภาค ซึ่งได้ทรงเห็นว่าพสกนิกรส่วนใหญ่ที่เป็นเกษตรกรมีฐานะความเป็นอยู่ค่อยข้างลำบาก จึงได้ทรงนำเอาสิ่งที่ทอดพระเนตรเห็น นั่นคือ ผ้าทอที่พสกนิกรสวมใส่มารับเสด็จฯ ในแต่ละครั้ง ซึ่งมีความสวยงาม และมีลวดลายอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันตามภูมิสังคม วัฒนธรรมแต่ละถิ่น มาขับเคลื่อน ส่งเสริม เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2515 เป็นต้นมา ที่อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ก่อกำเนิดจัดตั้งขึ้นเป็น “ศูนย์ศิลปาชีพ” เพื่อที่จะนำเอางานหัตถศิลป์ หัตถกรรม โดยเฉพาะผ้าไทยมาเป็นเครื่องมือทำมาหากิน เกื้อกูลเงินรายได้ พร้อมทั้งทรงช่วยหาช่องทางจำหน่าย นำรายได้คืนสู่ครอบครัวของพสกนิกรผู้ทอผ้าในถิ่นต่าง ๆ “พระราชปณิธานของพระองค์ท่าน ทรงมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งพวกเราในฐานะที่เป็นข้าราชการที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้มีโอกาสที่ดีและในฐานะพสกนิกรของพระองค์ท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดทุกจังหวัด ต้องเริ่มทำด้วยตัวท่านเอง ตามหลักการ “ผู้นำต้องทำก่อน” และรณรงค์ส่งเสริมให้หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ มวลสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ผู้ที่ท่านรู้จักมักคุ้น และพี่น้องประชาชนในจังหวัด ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่ม รวมทั้งชาวต่างชาติ ได้มีโอกาสรู้จักผ้าไทยเพิ่มมากขึ้น ผ่านการพูดคุย บอกเล่า กิจกรรมรณรงค์ และการผลิตและเผยแพร่สื่อในลักษณะที่หลากหลาย เพื่อให้เกิดกระแสความนิยมในการสวมใส่ผ้าไทยเพิ่มมากขึ้น” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำในช่วงแรก นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องในวาระที่เป็นมงคลยิ่งของพวกเราชาวไทยทุกคน ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2565 นี้ จึงขอให้ได้ช่วยกันรณรงค์ส่งเสริมการใช้ผ้าไทยด้วยความอิ่มเอิบและซาบซึ้งใจ ทั้งการสวมใส่เป็นเครื่องนุ่งห่ม และการใช้สิ่งของที่ผลิตจากผ้าไทย ในทุกโอกาส ทุกวัน ทุกเวลา ดังโครงการตามพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงให้ทวีความเข้มข้น ทำให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบถึงเบื้องหลังแนวพระราชปณิธาน ได้ซาบซึ้งคุณค่าของผ้าไทย และหวงแหนความเป็นไทยผ่านงานผ้าไทย ที่กว่าจะถักทอได้แต่ละผืน ต้องใช้น้ำพักน้ำแรงถักทอ สืบสานภูมิปัญญาอันล้ำค่าของบรรพบุรุษคนไทยในแต่ละพื้นที่ เป็นโอกาสที่เราจะได้ช่วยเหลือพี่น้องคนไทยซึ่งเป็นผู้รักษาภูมิปัญญาผ้าไทยให้คงอยู่คู่กับชาติไทยและโลกใบนี้ให้นานเท่านาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล่วนเป็นเครื่องแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวทีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และแสดงออกซึ่งความตั้งใจในการขับเคลื่อนพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงทุ่มเทอุทิศพระวรกาย ด้วยแรงบันดาลพระทัย และพระสติปัญญาที่มุ่งมั่น ทรงเป็นผู้นำที่เป็นเหมือนธงชัยของพวกเราทุกคน ทำให้ผ้าไทยมีชีวิต มีลมหายใจ ทำให้ผ้าไทยซึ่งเป็นมรดกที่ล้ำค่าอยู่คู่กับลูกหลานไทยของเราตราบถึงทุกวันนี้และตราบนานเท่านาน “ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ร่วมกันรณรงค์ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ สวมใส่ผ้าไทยจำนวนวันเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ เช่น จาก 3 วันเป็น 5 วัน จาก 5 วันเป็น 7 วัน เพื่อร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานอันแรงกล้าที่จะทำให้ผ้าไทยซึ่งเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยทวีความสำเร็จสมดังพระราชประสงค์ รวมทั้งส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนสวมใส่ผ้าไทย ใช้ข้าวของเครื่องใช้ที่มีส่วนประกอบจากผ้าไทยในทุกโอกาส ในทุกกิจกรรมของชีวิตประจำวัน ส่งเสริมการซื้อขายผลิตภัณฑ์ผ้าไทยของแต่ละจังหวัด เพื่อทำให้เม็ดเงินเกิดการหมุนเวียนไปช่วยเหลือเจือจุนช่างทอผ้าในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 จึงขอให้ทุกจังหวัดได้เชิญชวนพี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วน ร่วมกันสวมใส่ผ้าไทยสีฟ้าในทุกวันศุกร์ตลอดทั้งปี” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำในช่วงท้าย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานแม่บ้านมหาดไทย กล่าวว่า พวกเราทุกคนน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงงานหนักมาเป็นเวลายาวนานกว่า 70 ปี ด้วยพระวิริยะ อุตสาหะ พระปรีชาชาญของพระองค์ท่าน ทำให้ทรงรื้อฟื้นผ้าไทย ซึ่งสูญหายไปกว่า 70 ปี กลับคืนมาสู่สังคมไทย ปฐมบทที่อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ด้วยการทรงร้องขอให้ชาวบ้านที่ได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาทอผ้าไว้ใช้เอง ได้ช่วยกันถักทอ อันมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ โดยพระองค์ท่านทรงขอซื้อ เพื่อนำมาตัดฉลองพระองค์ จึงทำให้พวกเราได้เห็นพระองค์ท่านทรงสวมใส่ผ้าไทยในทุกพระราชกรณียกิจทั้งในและต่างประเทศ อันทำให้คนทั่วโลกได้ชื่นชมพระบารมี และภูมิปัญญาผ้าไทย ที่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องนุ่งห่ม แต่เป็นศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญา ที่มีความวิจิตร งดงาม ซึ่งจากจำนวน 200 กว่าประเทศทั่วโลก มีเพียง 20 กว่าประเทศที่มีผ้าเป็นวัฒนธรรมของตัวเอง และผ้าไทยของพวกเราเป็นผ้าที่สวยสดงดงามไม่แพ้ชาติใดในโลก “โครงการฯ ในครั้งนี้ ไม่เป็นแต่เพียงการสืบสาน รักษา ภูมิปัญญา แต่ยังเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตให้กับลูกหลาน ลูกหลานได้มีโอกาสไปเรียนหนังสือ มีความรู้ เป็นคนดีของสังคม เป็นคนดีของประเทศชาติ เงินที่เหลือบางส่วนยังเอามาทำนุบำรุงบ้าน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย เป็นปัจจัยหลัก และไว้ใช้ในยามเจ็บป่วย ให้กับครอบครัวประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งอาชีพทอผ้าเกินครึ่งเป็นอาชีพของสตรีไทย และผ้าไทยแต่ละผืนกว่าจะสวยสดงดงามต้องปลูกต้นหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม นำมัดหมี่มาทอ เรียกว่า ลมหายใจของผู้หญิงนับแรมวัน แรมเดือน อาจจะเป็นหลาย ๆ เดือน ซึ่งเป็นอาชีพที่เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อคงไว้ซึ่งการอนุรักษ์และถ่ายทอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานของเราด้วย เพื่อรักษาไว้คู่กับเอกลักษณ์ของชาติไทย” ดร.วันดีฯ กล่าวเน้นย้ำ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ในการสัมมนาโครงการแม่บ้านมหาดไทยสัญจรภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ผ่านมา ได้มีการระดมความคิด workshop กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์การใช้ผ้าไทยของจังหวัดต่าง ๆ เช่น ใส่ผ้าไทยได้รางวัล ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมการใช้ผ้าไทยที่จะทำให้เข้าถึงประชาชนทุกเพศ ทุกวัย มากยิ่งขึ้น จึงขอเชิญชวนให้ประธานแม่บ้านมหาดไทยทุกจังหวัดได้ร่วมระดมความคิดร่วมกับสมาชิกแม่บ้านมหาดไทย ขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ เพื่อให้การส่งเสริมการใช้ผ้าไทยประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องอยู่ที่ทุกคนมีส่วนร่วม ช่วยกันคนละเล็กละน้อย เริ่มตั้งแต่วันนี้ เริ่มเดี๋ยวนี้ มุ่งมั่นทำอย่างต่อเนื่อง และทำตลอดไป เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเพื่อรักษาไว้ซึ่งภูมิปัญญาไทยให้คงอยู่อย่างยั่งยืน.