Esthe Clinic ผู้นำด้านการปรับรูปหน้า ยกระชับ ปรับหน้าเรียว ด้วย “เทอร์มาจ (Thermage)” พร้อมเทคนิคพิเศษจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คนส่วนใหญ่ให้การไว้วางใจ

       เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าผิวหน้าที่เคยกระชับก็ต้องย่อมเริ่มหย่อนคล้อยไปในตามวัย ลำพังเพียงแค่การดูแลผิวด้วยการทาครีมบำรุงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ สำหรับใครที่กำลังมองหาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด “เทอร์มาจ (Thermage)” อาจเป็นคำตอบสำหรับคุณ ซึ่งวันนี้ทางเราได้มีโอกาสสัมภาษณ์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้าจาก Esthe Clinic คลินิกที่มุ่งเน้นเรื่องการปรับรูปหน้า ยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูสภาพผิวด้วยนวัตกรรมระดับโลก แพทย์หญิงสิริจิต แดนบุญนิธิ (หมอวี)

       และวันนี้เราจะพามาพูดถึงการปรับรูปหน้าที่ Esthe Clinic รวมไปถึงร่วมแชร์มุมมองของการให้บริการ ผ่านการสัมภาษณ์แพทย์หญิงสิริจิต แดนบุญนิธิ (หมอวี)

หัตถการสำหรับการปรับรูปหน้าที่ Esthe Clinic มีกี่วิธี?
       สำหรับหัตถการในการปรับรูปหน้าแบ่งออกได้เป็น 2 วิธีหลักๆ คือ การใช้เครื่อง (ThermageFLX หรือ UltraformerIII) และการฉีดหรือการใช้เข็ม (Botox) ซึ่งส่วนตัวหมอจะถนัดในเรื่องของการปรับรูปหน้าด้วยเครื่องที่ใช้ในการปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ ด้วยความที่การปรับรูปหน้าเป็นส่วนที่ค่อนข้างสำคัญ และหมอค่อนข้างที่จะมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของการปรับรูปหน้าให้กับคนไข้ ด้วยความที่เข้าใจว่าคนไข้เข้ามาทำหัตถการล้วนอยากมองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จึงอยากทำให้เต็มที่จริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการปรับรูปหน้าของแต่ละบุคคลต้องประเมินรูปหน้าของเขา ว่าจริงๆ แล้วเหมาะกับหัตถการแบบไหน บางคนอาจเหมาะกับการฉีด บางคนอาจจะเหมาะกับการใช้เครื่อง เพราะฉะนั้นหมอจึงได้ทำการเปิดคลินิก แล้วก็มีการลงทุนในแง่ของทางด้านเครื่องมืออย่างครบถ้วน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาได้สมบูรณ์แบบมากที่สุด

ส่วนมากคนไข้จะกลับมาทําซ้ำในหัตถการแบบไหน?
       หัตถการที่คนไข้กลับมาทำซ้ำมากที่สุดในตอนนี้ ก็จะเป็นในส่วนของฟิลเลอร์ปาก แล้วก็ในการทำเทอร์มาจ

เทอร์มาจเป็นหัตถการส่วนใบหน้าอย่างเดียว หรือสามารถใช้กับส่วนร่างกายอื่นๆ ได้ด้วย?
       มีทั้งเทอร์มาจบริเวณใบหน้าและบริเวณลําตัว รวมถึงรอบดวงตาด้วยเช่นกัน แต่ว่าหลักๆ ที่คนมาทำเยอะที่สุดจะเป็นเกี่ยวกับใบหน้า

คิดว่าอะไรที่ทำให้หัตถการการปรับรูปหน้าของ Esthe Clinic ได้รับความนิยม?
        การปรับรูปหน้าของแต่ละคนมีความแตกต่างกันค่ะ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าเหมาะกับการใช้เครื่อง หรือเหมาะกับการฉีด ซึ่งถ้าจะให้พูดถึงความโดดเด่นของทางคลินิกจริงๆ ก็คงจะเป็นที่ “การให้บริการที่มุ่งเน้นการมีอัธยาศัยที่ดีและมีการบริการที่ดี” ซึ่งเวลาที่คนไข้มีความกังวลเรื่องอะไรเข้ามา ทางเราจะมีการสอบถามถึงเรื่องของความคาดหวังของคนไข้ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงค่อยออกแบบร่วมกับคนไข้ว่าจะทำหัตถการอะไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตอบโจทย์ความต้องการ แล้วก็ใกล้เคียงกับความพอใจของคนไข้มากที่สุด
       อย่างที่บอกไปว่าส่วนตัวหมอวีถนัดเป็นเครื่องเทอร์มาจ ซึ่งจริงๆความโดดเด่นส่วนนึงก็อยู่ที่ตัวเครื่องด้วย เพราะตัวเครื่องมันมีมูลค่าที่สูงมาก ผลลัพธ์ที่ได้ก็ย่อมดีอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องไปทั้งหมด การจะให้ผลลัพธ์ออกมาดีต้องใช้ประสบการณ์ด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งจะต้องใช้การประเมินถึงหลายๆ ปัจจัยเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วย และความที่เทอร์มาจเป็นหัตถการที่ขึ้นชื่อเรื่องของความเจ็บในการทำ ฉะนั้นการมีประสบการณ์หรือว่าผ่านเคสมาค่อนข้างเยอะ ทำให้มีเทคนิคพิเศษของตัวเองที่ทำแล้วออกมาดีที่สุด ตรงจุดที่สุด และเจ็บน้อยที่สุด
       อย่างเช่น ถ้าคนไข้มีความกังวลในเรื่องของใบหน้าที่มีไขมันเยอะ ใบหน้าที่ไม่กระชับ มีริ้วรอยเยอะ ส่วนนี้ก็จะเป็นปัญหาของคนไข้ที่แตกต่างกัน แต่ละครั้งหมอก็มีเทคนิคพิเศษของตัวเองที่ทำได้ตรงจุดของความกังวลของคนไข้ รวมถึงรู้ว่าส่วนไหนที่ทำแล้วเจ็บ หรือส่วนไหนที่สามารถใช้พลังงานที่สูงกว่าได้ เพื่อทำให้ผลลัพธ์ออกมาได้ดีที่สุด

ต่อไปขอสอบถามเกี่ยวกับอนาคตของธุรกิจความงาม คิดว่าจะเป็นไปในทิศทางแบบไหน?
       ส่วนตัวคิดว่าธุรกิจความงามและธุรกิจสุขภาพเป็นธุรกิจที่กําลังเติบโตอยู่ในขาขึ้น เนื่องจากคนกันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการดูแลความสวยความงามของตัวเองมากขึ้น ดังนั้นก็คิดว่าเป็นการลงทุนที่มองว่าค่อนข้างที่จะคุ้มค่า ถึงแม้การแข่งขันในปัจจุบันค่อนข้างสูง เพราะว่าตอนนี้ก็อย่างที่เราเห็นว่ามีผู้ประกอบการที่ทำอุตสาหกรรมความสวยความงามมากขึ้น แล้วก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำคลินิก หรือว่าจะเป็นเรื่องของการขายครีม รวมไปถึงเรื่องสุขภาพ การทําอาหารเสริม ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่สามารถเลือกได้เหมาะสมกับตัวเองมากยิ่งขึ้น รวมถึงเรื่องของเครื่องมือสำหรับการทำหน้า หรือว่าเรื่องของยา ก็ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีขึ้นและก็เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็จะมาช่วยตอบโจทย์ความกังวลต่างๆ และก็อาจจะมีการพัฒนาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับวิสัยทัศน์และทัศนคติ ของทาง Esthe Clinic เป็นอย่างไรบ้าง?
       มองว่าเรื่องของการทำคลินิกเสริมความงาม ในหมวดหมู่ของการทำอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องของราคา แต่เป็นเรื่องของ “ความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ” ซึ่งทาง Esthe Clinic มองเรื่องนั้นเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว
       วิสัยทัศน์ของเรา “เราก็ต้องการเป็นผู้นําด้านการรักษาสุขภาพและความงามที่ผู้บริโภคไว้วางใจ” ซึ่งเราก็จะอิงจากคำว่า “T-R-U-S-T” ที่มาจาก ความน่าเชื่อถือนั่นเอง อธิบายเพิ่มเติม ก็คือ

  • T ตัวแรก มาจากคําว่า Training คือไม่ว่าจะเป็นหมอหรือพนักงาน เรามีการเทรนอยู่สม่ำเสมอ แล้วเราก็มีการหาความรู้ใหม่ๆ หาเทคนิคพิเศษ หาเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะเป็นคลินิกใหม่ที่พึ่งเปิดได้ประมานหนึ่งปี แต่มีเครื่องให้บริการถึง 8 เครื่อง สามารถตอบโจทย์ทุกความกังวลของคนไข้ได้หมดเลยค่ะ
  • R มาจากคําว่า Real (ของแท้) คือเวลาลูกค้าเข้ามา จะมีการถามลูกค้าตลอดว่า ทําไมถึงเลือกใช้บริการเรา แทนที่จะไปที่อื่นๆ คําตอบที่ได้รับจากลูกค้าเยอะที่สุด คือ “คลินิกน่าไว้วางใจ” หรือ “เห็นการโปรโมทแล้วคิดว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว” ซึ่งการโปรโมทของทางคลินิก ไม่ได้นำเสนอแค่ราคาถูกหรือได้ผลลัพธ์ ซึ่งอาจจะเป็นการโฆษณาที่ใครก็สามารถทำได้ แต่ทว่านำเสนอในแง่ของความน่าเชื่อถือตลอดเวลา อย่างเช่น การฉีดฟิลเลอร์ปากหรือฉีดโบท็อกซ์กับเรา ก่อนที่จะฉีดหมอจะสอนวิธีการตรวจสอบดูว่าของแท้เป็นอย่างไง? รวมถึงแกะกล่อง seal ให้ดูตั้งแต่ทีแรก เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าไม่มีการสลับตัวยาและไม่เคยเปิดใช้มาก่อน ตลอดจนฉีดเสร็จก็ให้กล่องและขวดคนไข้กลับบ้านไปเลย
  • U มาจากคำว่า Unique/Uniqueness (เอกลักษณ์) ซึ่งสำหรับ Esthe Clinic จะโดดเด่นในเรื่องการมีส่วนร่วมในการพูดคุยและการออกแบบร่วมกันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ ว่ามีความต้องการอย่างไร? กังวลในส่วนไหน? ควรฉีดในโดสเท่าไหร่? เพื่อให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมและถูกต้องตามแบบของใบหน้าลูกค้ามากที่สุด
  • S มาจากสองคํา คือ 1) คําว่า Sincere (ความจริงใจ) และ Services (การบริการ) เราจะเน้นย้ำเสมอว่าการบริการและความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมอบให้กับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง การบริการเราเน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ไม่ยัดเยียดบริการให้ลูกค้า คุณหมอจะแนะนำบริการที่เหมาะสมกับลูกค้าจริงๆ สำหรับในส่วนของการบริการ หากได้ติดตามรีวิวจาก website ของคลินิก หรือช่องทางอื่นๆ จะเห็นได้ว่าเรื่องการบริการและความใส่ใจลูกค้าของเราผลตอบรับดีมากๆค่ะ
  • T มาจากคำว่า Technique (เทคนิค) ก็อย่างที่ได้กล่าวไปว่าหัตถการด้านความสวยความงาม ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ว่ามีเครื่องมือแพงหรือดีเท่านั้น แต่รวมไปถึงเทคนิคของหมอด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การอัพเดทความรู้หรือเทรนต์ต่างๆอยู่เสมอ และความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์จนมีเทคนิกพิเศษเฉพาะตัว 

สุดท้ายนี้มีอะไรอยากฝากถึงคนไข้ที่กำลังสนใจเรื่องการเสริมความความงามบ้างไหม?
      จะเห็นว่าในยุคปัจจุบัน คลินิกที่เปิดในประเทศไทยถือว่าเยอะมาก ซึ่งเป็นผลดีทำให้ลูกค้ามีทางเลือกเยอะ แต่อยากฝากให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจควรพิจารณาจากความน่าเชื่อถือและความน่าไว้วางใจเป็นหลัก อีกเรื่องสิ่งที่สำคัญก็คือเรื่องของความปลอดภัย โดยไม่อยากให้พิจารณาแค่เรื่องของราคาอย่างเดียว ดังนั้น 3 ข้อหลักๆ ที่ควรพิจารณา คือ
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญต้องมีใบรับรอง ( Certificate ) หรือจบหลักสูตรเฉพาะทางของหัตถการนั้นๆ และมีประสมการณ์มาอย่างชำนาญ
- คลินิกต้องเปิดอย่างถูกต้องตามกฏของกระทรวงสาธารณสุข มีใบรับรอง ผ่านมาตรฐาน อย.
- เครื่องและยาที่ใช้ทั้งหมดต้องเป็นของแท้ผ่านมาตรฐาน อย.ที่สามารถตรวจสอบได้ และได้รับจำนวน Shot หรือโดสยาครบถ้วนตามที่มีการประเมินจริงๆ

       ทั้งหมดประมาณนี้ที่อยากฝากให้คนไข้พิจารณาก่อนตัดสินใจใช้บริการคลินิกต่างๆ เพื่อความปลอดภัย สบายใจและผลลัพท์ที่ดีที่สุดของตัวคนไข้เองค่ะ

ช่องทางการติดต่อ Esthe Clinic
เบอร์ติดต่อ : 090-690-9666
Line: @estheclinic
Website : https://esthe-clinic.com
Facebook : estheclinicthailand
Instragram : estheclinicthailand
Map : ศูนย์การค้า The Phyll ชั้น1 (BTS อ่อนนุข)
(เลขที่ใบอนุญาต : 10101048064)

Facebook : https://www.facebook.com/EstheClinicThailand Instagram : https://instagram.com/estheclinicthailand
TikTok
: https://www.tiktok.com/@dr.vestheclinic