ความลับจาก "ห้องผ่าตัด" เทคนิคเสริมจมูกให้ดูสวย กับความลับที่บอกใครไม่ได้
บทสรุป สัมภาษณ์ คุณหมอเก่ง นพ.กิตติศักดิ์ สิงห์พันธ์ แพทย์ประจำ และเป็นเจ้าของรูบี้คลินิก เกี่ยวกับเทคนิคการเสริมจมูก ที่คุณหมอในคลินิกแต่ละที่ไม่เปิดเผยให้คุณหมอท่านอื่นรู้
นั่นก็คือ "การเหลาซิลิโคน" ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการศัลยกรรมความงามเสริมจมูก การเหลาซิลิโคนสำคัญยังไงไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลยนะคะ
การศัลยกรรมความงามเสริมจมูก ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และได้รับความนิยมมากในประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง เพราะด้วยพื้นฐานลักษณะโครงสร้างใบหน้าของคนไทย มักจะมีจมูกที่ยังไม่ได้รูปทรงที่สวยงาม ไม่ว่าจะมีลักษณะจมูกคล้ายลูกชมพู่ ปลายจมูกกว้าง ฐานจมูกกว้างหรือแบน ปีกจมูกกว้าง ทำให้หลายคนไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไหร่กับรูปลักษณ์จมูกของตัวเอง จึงอยากเสริมจมูกออกมาให้ดูสวยงามมากขึ้น
ซึ่งการเสริมจมูก “ทรงเบลล่า” ที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณหมอเก่ง ถูกออกแบบมาเพื่อคนไทย แก้ลักษณะด้อย ให้ดูเด่น และสวยงามมากขึ้นตามยุคสมัย บนพื้นฐานหลักสัดส่วนของใบหน้าของแต่ละบุคคล โดยอิงจากโครงหน้าและสัดส่วนที่เหมาะสมตาม Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า ให้ได้องศา และมุมที่สวยงามอีกด้วย
วันนี้เราจะมีแกะความลับของคลินิกศัลยกรรมเสริมความงามกันดูนะคะว่า " เทคนิค " ความลับเฉพาะที่คุณหมอแต่ละท่านไม่บอกต่อกัน คืออะไร ?
ในการเสริมจมูกมีการเสริมจมูก 2 แบบ คือการเสริมจมูกแบบ Closed technique และแบบ Open technique มีความแตกต่างกัน ความยากในการเสริมก็ค่อนข้างจะแตกต่างกัน แต่ถ้าแนะนำ ถ้าในกรณีที่โครงสร้างจมูกไม่ได้มีปัญหามากนัก คุณหมอแนะนำเลือกเสริมแบบ Closed technique ก็เพียงพอแล้ว (เป็นวิธีการการเสริมจมูกที่เหมาะกับคนไข้ที่เสริมครั้งแรกหรือมีปัญหาเพียงเล็กน้อย โดยคนไข้ส่วนใหญ่มากกว่า 90% สามารถเสริมด้วยวิธีนี้) เพราะการที่เรายิ่งเปิดแผลเยอะ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงในเรื่องของผลแทรกซ้อนที่จะตามมามากขึ้น (เว้นแต่ในคนไข้บางรายที่มีปัญหาหลายอย่างที่ต้องแก้ปัญหาร่วมด้วย จึงจะเหมาะกับการเสริมจมูกแบบ Open technique ) ปัจจุบันในการเสริมจมูกสมัยใหม่ มักจะใช้การเสริมด้วยซิลิโคนเป็นวัสดุหลัก และใช้ร่วมกับเทคนิคอื่นๆ เป็นออฟชั่นเสริมที่ใช้กันทั่วไปคร่าวๆ จะมีดังนี้
- การตะไบฮัมพ์ ( Nasal Rasping )
- การตอกฐาน ( Nasal osteotomy )
- การเย็บอินเตอร์โดม ( Interdomal Suture ) , การเย็บทรานส์โดม ( Transdomal Suture )
- การใช้เนื้อเยื่อเทียมรองปลายจมูก ( Acellular Dermal Matrix with Gelatin )
- การใช้เนื้อเยื่อหลังหู, เนื้อเยื่อสะดือ, เนื้อเยื้อก้นกบ มาเพื่อใช้รองปลายจมูก
- การใช้กระดูกอ่อนหลังหูเพื่อใช้รองปลายหรือเพิ่มโครงสร้างภายในจมูก
- การปลูกถ่ายไขมันที่ปลายจมูก
เทคนิคดังกล่าวเป็นออฟชั่นเสริมที่จะเห็นได้ในการเสริมจมูก และ "ความลับ" ของสิ่งที่จะทำให้การเสริมจมูกของเราออกมาดูสวย หรือไม่สวย ปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัยจะอยู่ที่ เนื้อจมูกของเรา และ "การเหลาซิลิโคน" ของคุณหมอแต่ละท่าน
นพ. กิตติศักดิ์ สิงห์พันธ์ แพทย์มากประสบการณ์ประจำรูบี้คลินิก และเป็นแพทย์เจ้าของคลินิกอีกด้วย จึงไม่เคยให้ถ่ายเก็บภาพหรือวิดีโอตอนคุณหมอกำลังเหลาซิลิโคนเลย สิ่งที่คุณหมอบอกได้มีอย่างเดียว เกี่ยวกับเทคนิคที่คุณหมอใช้เสริมจมูกในทุกเคส คุณหมอใช้เทคนิค "Ruby Safe Tip" เป็นเทคนิคหลักในการเสริมจมูก
เทคนิค Ruby Safe Tip ของคุณหมอนอกจากความสวย ความปลอดภัยต้องมาอันดับ 1 ซึ่งเทคนิคนี้ประกอบไปด้วย
- การเหลาซิลิโคนแบบละเอียด ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลานานมากในการทำ เพราะเราต้องเหลาซิลิโคนตามพื้นฐานเดิมและทรงจมูกที่คนไข้ต้องการ แถมยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักสำคัญ เพื่อลดปัญหาหลังเสริมจมูก การเอียง การเบี้ยว การทะลุของซิลิโคนหลังเสริม
- การเหลาซิลิโคนเพื่อลดเหลี่ยมคมให้มากที่สุด หลังจากจมูกรัดแกนนับจากระยะเวลาหลังเสริมจมูกประมาณ 6 เดือน จะมีเนื้อเยื่อเข้ามาห่อหุ้มซิลิโคน ความบวมหลังเสริมจมูกเริ่มลดลง ทรงจมูกจะเห็นชัดมากที่สุด หากคุณหมอเหลาซิลิโคนไม่ละเอียด อาจจะทำให้เกิดการเสียดสีกับขอบเหลี่ยมมุมของซิลิโคนได้ และจะทำให้เกิดปัญหาหลังเสริมได้มากขึ้น
- การเหลาซิลิโคนเพื่อลดการเคลื่อนตัวของซิลิโคน เทคนิคการเหลาซิลิโคนแบบเนื้อละเอียดคล้ายผิวทราย เพื่อยึดเกาะไม่ให้ซิลิโคนเคลื่อนตัว การเหลาซิลิโคนให้ครอบและแนบสนิทกับสันจมูกพอดี ซึ่งเป็นที่มาของปัญหาหลังเสริมจมูกได้หลายสาเหตุ เช่น การเบี้ยวเอียงของซิลิโคน ทำให้จมูกดูเบี้ยวไม่ตรง ซิลิโคนลอย (สังเกตุจากมุมตรงระหว่างคิ้ว)
- เทคนิค Axial Bone Lock เป็นเทคนิคการวางซิลิโคน "ใต้ชั้นเนื้อเยื่อหุ้มกระดูก" เพื่อให้มีการล็อกของซิลิโคนไปกับแกนกระดูก ทำให้ซิลิโคนไม่ลอยและดูเนียนเป็นธรรมชาติ
ปัญหาหลังศัลยกรรมเสริมจมูกที่คนทั่วไปดูไม่ออกที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ Subclinical Infection คือการติดเชื้อแบบอาการแสดงน้อย ซึ่งปัญหานี้อาจจะส่งผลระยะยาวได้ ดังนั้นหลังจากที่เราเสริมจมูกไปแล้ว คุณหมอแนะนำให้ยังต้องมาติดตามอาการหลังเสริมจมูกในระยะเวลาดังนี้
- 1 เดือน หลังเสริมจมูก
- 3 เดือน หลังเสริมจมูก
- 6 เดือน หลังเสริมจมูก
- 1 ปี หลังเสริมจมูก
เพื่อให้คุณหมอดูอาการดังกล่าว ว่าเกิดปัญหาภายในหลังเสริมหรือไม่อีกด้วย นั้นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไม คุณหมอเก่ง รูบี้คลินิก ถึงรับประกันเคสศัลยกรรมหลังเสริมมากถึง 1 ปี จากโดยทั่วไปรับประกันให้แค่ 3 - 6 เดือน เท่านั้น คุณหมอใส่ใจดูแลคนไข้ดีมากๆ
หากต้องการปรึกษาคุณหมอ ติดต่อไปทาง Ruby Clinic ได้เลยค่ะ
โทร. 066-064-2525 หรือ สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่คลินิกได้เลย
เวลาเปิดให้บริการ รูบี้คลินิก ทุกวันพุธ - อาทิตย์ เวลา 11.00 - 20.00 น.
Facebook : @RubyClinicThailand
Line official : @Rubyclinicth
Instagram : rubyclinicth
Youtube : Ruby Clinic
Tiktok : @rubyclinic