วันที่ 31 สิงหาคม 2565 เวลา 10.00 น. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร นายไกรฤกษ์ เสียนขุดทด ณ โรงเรียนบ้านตะเคียน ต.ตะเคียน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยมีนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน ส.จ.รัชฎา ใจกล้า นายวรพจน์ บุ่นจันทึก พร้อมพี่น้องประชาชนชาวด่านขุนทดจำนวนมาก นายสุวัจน์ กล่าวว่าคณะนักปั้นและพี่น้องประชาชนชาวด่านขุนทด มีความประสงค์ ตั้งใจด้วยประวัติคุณงามความดีของอาจารย์น้อย-ไกรฤกษ์ เสียนขุดทด ผู้ต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชน เป็นนักต่อสู้ตัวจริงที่ต้องการที่จะให้เป็นตัวแทนชาวด่านขุนทด ก็เลยต้องการให้พรรคชาติพัฒนานําไปเจียรไน ให้เป็นเพชรเม็ดงามในสภาผู้แทนราษฎร จะได้เป็นปากเป็นเสียงให้กับพี่น้องประชาชนชาวด่านขุนทด “วันนี้ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวด่านขุนทด ที่ได้ให้เกียรติพรรคชาติพัฒนา ได้ปั้นคนคนหนึ่ง แล้วก็ฝากไว้กับพรรคชาติพัฒนา ขอกราบขอบพระคุณ และจากนี้ไปก็เป็นหน้าที่ของพรรคชาติพัฒนา จะต้องปั้นเพชรเม็ดนี้ให้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของพี่น้องประชาชนชาวด่านขุนทด” นายสุวัจน์ กล่าวว่าสภาผู้แทนฯ จะหมดเทอม อีกประมาณ 6 เดือน อาจจะเลือกตั้งก่อนก็ได้ อาจจะอยู่ครบก็ได้ แต่ครบแน่ๆ 4 ปีคือ จากนี้ไปอีกประมาณ 6 เดือน ฉะนั้น ตอนนี้เป็นบรรยากาศที่พรรคการเมืองต่างๆ มีการเตรียมผู้แทน มีการเปิดตัวผู้สมัคร เปิดตัวนโยบายพรรคต่างๆ วันนี้ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เข้ากับบรรยากาศการเมืองของประเทศ แล้วผมก็คิดว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้เป็นการเลือกตั้งที่มีความสําคัญ เพราะว่าผมเล่นการเมืองมาสามสิบกว่าปี ผมอยากจะบอกพี่น้องประชาชนเลยว่า บ้านเมืองวันนี้ มีสถานการณ์ที่พี่น้องประชาชนเดือดร้อนกันมากที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ เรามีปัญหาสู้โควิดกันมาสองปีกว่าแล้วก็ยังไม่จบเราใช้จ่ายเงินกัน รัฐบาลต้องกู้เงินมาใช้จ่ายจํานวนมาก แล้วก็เป็นทุกประเทศทั่วโลก ตอนนี้ปัญหาเศรษฐกิจที่มีผลกระทบจากโควิด และภาวะสงครามและสงครามการค้า หนี้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ของรัฐบาล หนี้ครัวเรือนต่างๆ หนี้ของประชาชนแต่ละคน นักธุรกิจรายย่อยที่เขาเรียก SME ต่างๆ คนตกงานจำนวนมากขึ้น ผู้ประกอบการก็เดือดร้อน ตอนนี้ธนาคารก็ขึ้นดอกเบี้ย ทุกคนก็เดือดร้อนกันหมด นักท่องเที่ยว เคยมาเที่ยวเมืองไทยทําให้เศรษฐกิจเราดีปีละ 40 ล้านคน ตอนนี้ปีนี้ทั้งปีอย่างเก่งก็ 7-8 ล้านคน เศรษฐกิจเคยโตปีละ 4 % ตั้งแต่เกิดโควิดปีแรกก็ติดลบ 6 ปีที่ 2 บวก 1 กว่าๆ ปีนี้ก็ยังไม่รู้เท่าไหร่ เพราะว่าเราเจอเรื่องน้ำมันแพง เจอเรื่องแก๊สแพง ค่าไฟขึ้นราคา ไข่ไก่ขึ้น ไข่เป็ดขึ้น มาม่าก็ขึ้น ฉะนั้น ตอนนี้ เรียกว่าบ้านเมืองอยู่ในภาวะข้าวยาก หมากแพง เศรษฐกิจเป็นปัญหาแล้วก็มีผลกระทบกันมาก ฉะนั้น ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงอยากจะเห็นว่า เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ใครจะมาแก้ไขปัญหาประเทศ ใครจะมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน “ในฐานะที่ผมเป็นประธานพรรคชาติพัฒนา ก็อยากจะเรียนพี่น้องประชาชนชาวโคราช ชาวด่านขุนทด ว่าพรรคชาติพัฒนามีความพร้อมที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง พี่น้องประชาชนคงจํากันได้ เรามีผู้ใหญ่ทางการเมืองท่านหนึ่ง อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในหัวใจของคนโคราชตลอดกาลก็คือ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ท่านเป็น ส.ส. โคราช เป็นนายกรัฐมนตรี ช่วงปี 31 ถึง ปี 34 แล้วก็เป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาคนแรกแล้วก็เป็นผู้ก่อตั้งพรรคชาติพัฒนา ท่านสอนพวกเรามาตลอดว่าพรรคชาติพัฒนาเป็นพรรคของคนโคราช ทําอะไรต้องนึกถึงคนโคราชก่อน ทํางานทางการเมืองให้เดินสายกลาง อย่าไปทะเลาะกับใคร อย่าไปขัดแย้งใครกับใคร แล้วก็ให้ทําเรื่องเศรษฐกิจ เพื่อปากเพื่อท้องของพี่น้องประชาชน ในช่วงที่ท่านพลเอกชาติชายเป็นนายกฯ เศรษฐกิจของประเทศดีที่สุด สมัยท่านชาติชายบวกเกิน 10%ในแต่ละปีสามปีซ้อนติดต่อกัน” นายสุวัจน์ และย้ำว่า “วันนั้น เขาบอกว่าเมืองไทยเป็นเสือตัวที่ห้าแห่งเอเชีย เศรษฐกิจดีมาก ผมจําได้ในโคราช ท่านชาติชาย มีนโยบายให้มาตั้งอุตสาหกรรม ให้คนโคราชมีงานทำ แล้วก็เอาผลผลิตสินค้าการเกษตรในเมืองโคราช ผลิตเป็นสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกไปขาย ท่านมีนโยบายแปรสนามรบเป็นสนามการค้า เอาโคราชเป็นประตูสู่อีสาน อีสานเป็นประตูการค้าสู่อินโดจีน และแปรสนามรบเป็นสนามการค้า ตัดถนนสี่เลน มาโคราช ฉะนั้นคนโคราชเรียกเศรษฐกิจยุคนั้นเป็น เศรษฐกิจยุคทอง ที่ดินมีราคาแพงหมด “วันนี้ ผมก็คิดว่าถึงเวลาแล้วต้องเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา พรรคชาติพัฒนา อยากจะกราบเรียนกับพี่น้องประชาชน ว่าเราตั้งใจจริงพวกเราได้เรียนรู้ประสบการณ์ วิชานโยบายยุทธศาสตร์ทุกอย่างมาจากท่านพลเอกชาติชาย แต่ในการที่เราจะทําสิ่งนั้นได้สําเร็จ ในสภาเขาไม่ได้วัดกันด้วยความคิดอย่างเดียว เขาวัดกันด้วยเสียง บางทีคนเก่งๆ ความคิดดีๆ นโยบายดีๆ ไม่ได้มีโอกาสที่จะผลักดันให้ประสบความสําเร็จ ข้อเสียเพราะเสียงน้อย เพราะเสียงไม่พอ ฉะนั้น ถ้าจะทําให้พรรคชาติพัฒนาได้มีโอกาส ทํางานให้คนโคราช ได้มีโอกาสที่จะเอายุคทองทางเศรษฐกิจกลับมา เราต้องได้เสียงสนับสนุนก็คือ ท่านต้องมี ส.ส. เยอะๆ ตอนพลเอกชาติชายเป็นนายกฯสมัยนั้น ผมจำได้โคราช มี 16 เขต พรรคชาติพัฒนากวาดไปเลย 15 เขต ฉะนั้น ถ้าเราได้ ส.ส.เยอะๆ เราจะได้มีโอกาสทำงานและผลักดันนโยบายต่างๆ ความเจริญ ถนนหนทาง แหล่งน้ำ อาชีพ พืชผลทางเกษตร ชีวิตความเป็นอยู่ ของต้องไม่แพง ไฟฟ้า แก๊ส ต้องไม่แพง สินค้าอุปโภคบริโภคต้องไม่แพง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชน “คุณไกรฤกษ์ ได้สัญญากับพี่น้องประชาชนขอเดินสู่เป้าหมายปลายทาง แล้วจะไม่ทิ้งพรรค และจะไม่ลืมประชาชนชาวด่านขุนทด” นายสุวัจน์ กล่าว