เปิดโลกธุรกิจแบบใหม่ในยุคดิจิตอลและเทคโนโลยีกับ "การขายของออนไลน์" หนึ่งในช่องทางที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้ปังยิ่งขึ้น สนุกกับการขาย พร้อมขยายฐานธุรกิจ ผ่านการกดคลิ๊กยิงแอดสุดปัง อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าทุกวันนี้ "การยิงแอด" ได้กลายมาเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ในการทำการตลาดออนไลน์ให้กับธุรกิจแทบจะทุกประเภท เพราะการยิงแอดเป็นการทำโฆษณาบนช่องทางออนไลน์เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการได้โดยตรง อีกทั้งการยิงแอดจะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้าของเรา เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้มากขึ้น จริง ๆ แล้วการยิงแอดสามารถทำได้หลากหลายแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Tiktok, Google, YouTube, และอื่น ๆ แต่ทั้งนี้ในปัจจุบัน Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้งานมากที่สุดโดยนำโด่งสูงสุดถึง 69 ล้านบัญชี วันนี้เราจะมาแนะนำ ว่าจริงๆแล้วถ้าจะ “ยิงแอดให้ปัง” ต้องมีองค์ประกอบให้ครบ 3 องค์ประกอบ ดังต่อไปนี้ องค์ประกอบที่ 1 สินค้า หาสินค้าที่ดีและขายง่ายใน Facebook ถ้าสินค้าดี ก็จะช่วยให้ การ “ยิงแอดง่ายขึ้น” ดังนั้นผมขอแนะนำ เกณฑ์ในการเลือกหาสินค้ามาขาย โดยจะมีหลักการเลือก 14 ข้อดังต่อไปนี้ 1) Product Insight / Passion (เข้าใจอย่างละเอียด และ รักสินค้า)2) Branding (มีตราสินค้า แพ็คเกจสวย น่าเชื่อถือ หยุดนิ้วได้)3) แตกต่าง มีจุดเด่น แก้ปัญหาให้ลูกค้า4) ขนาดเล็ก และ น้ำหนักเบา5) Shelf Life (อายุสินค้าควรอยู่ได้นาน และ คงทน)6) Low Involvement (ตัดสินใจซื้อง่าย)7) ซัพพลายเออร์ต้องดี8) กลุ่มเป้าหมายต้องชัดเจน และ มีความต้องการ9) คู่แข่งน้อย10) High Margin (กำไรดี)11) สินค้ามีอำนาจต่อรองกับลูกค้า(ต้องมีดีพอ ที่ลูกค้าจะสนใจ ไม่ได้หาซื้อที่ไหนก็ได้)12) Emotional Value (มีคุณค่า มากกว่า ราคา)13) Trend & Seasonal (อย่าเอาสินค้าตามTrend และ ฤดูกาลมาขายเด็ดขาด)14) ห้ามขายสินค้าเฉพาะกิจ (มันไปไวมาก) องค์ประกอบที่ 2 คอนเทนต์ หลังจากเลือกสินค้าที่ดีมาได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการ นำสินค้ามาสื่อสารผ่านคอนเทนต์ ซึ่งคอนเทนต์ที่เราลงโพสบน Facebook ก็สำคัญมากเช่นกัน คอนเทนต์ ที่น่าสนใจ ต้องดึงดูดสายตา และ นิ้ว(คอนเทนต์ที่ดี ต้องแตะตา และ แตะใจ) เคล็ดลับในการทำคอนเทนต์ที่ดีมีดังต่อไปนี้…1. ส่วนของรูปภาพ สำหรับคนที่ชอบลงแบบรูปภาพ แนะนำให้ทำรูปภาพ แบบอัลบั้ม(ที่มีหลายๆรูป) จากการเก็บสถิติ รูปอัลบั้มจะดึงดูดความสนใจมากกว่ารูปเดี่ยว และในรูปต้องสะกดคนดูด้วย Keyword สั้นๆแต่โดนใจ(ในรูปต้องมีห้ามพลาด) 2.ส่วนคลิปวิดีโอต้องเป็นแบบ Vertical Shortcut คือต้องเป็นคลิปที่เป็นแนวตั้ง เช่นสัดส่วน 4:3 หรือ 5:3 และ มีความยาวของคลิป 20-30 วินาที พอห้ามเกินนี้ ที่สำคัญต้องสะกดคนดูด้วยKeyword สั้นๆ เช่นเคย องค์ประกอบที่ 3 เทคนิคการ “ยิงแอด” องค์ประกอบสุดท้าย ก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญเช่นกัน เพราะว่า “การยิงแอด” คือการนำส่ง สินค้า และคอนเทนต์ ของเราไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่ใช่ที่สุด ถ้านำส่งไปไม่ถูกกลุ่ม ก็จะทำให้ไม่เกิดการซื้อขาย ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคให้มั่นใจ และเข้าใจจริง แถมนอกจากนี้ยังมีเทคนิคในการสร้างกลุ่มเป้าหมายมีทั้งหมด 4 วิธี ซึ่งมั่นใจว่าถ้าใครเข้าใจอย่างละเอียดทั้ง 4 วิธีนี้ คุณจะเจาะลึกกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าใครแน่นอนวิธีที่ 1 การสร้างกลุ่มเป้าหมายแบบ Core Audience เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้กันอยู่แล้ว การสร้างกลุ่มเป้าหมาย Core Audience คือการที่เราต้องมาเดา Interest (ความสนใจ) แน่นอนว่าถ้าใครใช้เทคนิคนี้อยู่ ก็จะเจอปัญหาว่า “ยิงแอด” ไปแล้วไม่ตรงกลุ่ม เพราะถ้าเราเดาผิด มันก็จะไม่ตรงแน่นอน ดังนั้นถ้าใครใช้เทคนิคนี้อยู่ ผมแนะนำให้ ทำความเข้าใจเรื่อง Persona ลูกค้าก่อน ถ้าคุณเข้าใจว่าลูกค้าคุณคือใคร คุณจะกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากขึ้น เช่น คุณต้องรู้ว่า ลูกค้าคุณอยู่ตำแหน่งไหน (จังหวัดอะไร) เพศอะไร อายุเท่าไหร่ และ สนใจเรื่องอะไร ถ้าคุณรีเสิร์ช ข้อมูลตรงนี้มาอย่างแม่นยำ ก็จะช่วยให้คุณกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบ Core Audience ให้แม่นยำมากขึ้นวิธีที่ 2 การสร้างกลุ่มเป้าหมายแบบ Custom Audience วิธีนี้จะต้องมีข้อมูลก่อนถึงจะทำได้ เช่น ข้อมูลที่มาจาก ผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมในเพจเรา วิดีโอของเรา หรือ เว็บไซต์ของเราเป็นต้น และ เราจะใช้วิธีการนี้ Re-Target เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่เรามีอยู่นี้เห็นโฆษณาเราอีกครั้ง หรือ ที่เรียกว่าหลอกหลอนจนลูกค้าซื้อ อย่าลืมนะครับว่า ลูกค้าจะไม่ซื้อสินค้าเราจากการที่เห็นโฆษณาเราแค่ครั้งเดียว ลูกค้าจะต้องเห็นโฆษณาเราอย่างน้อย 2-3 ครั้งถึงจะจดจำเราได้ และ เชื่อใจเราจนกลับมาซื้อสินค้าของเราครับ วิธีการนี้จึงเหมาะกับการช่วยสร้างแบรนด์เป็นอย่างยิ่งวิธีที่ 3 การสร้างกลุ่มเป้าหมายแบบ Lookalike วิธีการนี้จะยากขึ้นมาอีกนิดนึงครับ วิธีการนี้จะเป็นการใช้ Ai เฟสบุ๊คช่วยหากลุ่มเป้าหมายให้แม่นมากขึ้นครับ คือเราต้องมี กลุ่มเป้าหมายที่ดีก่อน เช่น คนที่เคยอินบ็อกซ์เข้ามาในเพจของเรา และ เราจะใช้วิธีการ Lookalike เพื่อให้ Ai ช่วยขยายและหากลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกันกับคนที่เคย อินบ็อกซ์เข้ามาเพิ่มให้กับเรามากขึ้น จากประสบการณ์ยิงแอดของผมวิธีนี้จะมีความแม่นยำกว่าวิธีแรก(Custom Audience)ครับวิธีที่ 4 การสร้างกลุ่มเป้าหมายแบบ Conversion วิธีนี้จะเป็นวิธีที่แอดวานซ์และยากที่สุด แต่ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดเหมือนกัน ซึ่งการจะทำวิธีนี้ได้ต้องมีการเตรียมความพร้อมให้ครบก่อน เช่น ต้องมีเว็บไซต์ก่อน หลังจากนั้นเราต้องผูก เว็บไซต์กับ Facebook ด้วย Pixel code และ ขั้นตอนสุดท้ายคือต้องสร้าง Event Tracking เพื่อติดตามพฤติกรรมลูกค้า เมื่อทำครบแล้วก็จะเกิดขบวนการเรียนรู้พฤติกรรมลูกค้าผ่าน เว็บไซต์ เมื่อเราทำการยิง Conversion เราก็จะสามารถกำหนด พฤติกรรมที่เราอยากจะได้ เช่น “พฤติกรรมการซื้อ” Facebook ก็จะหาผู้ที่มีแนวโน้มที่จะซื้อมาให้เรา วิธีที่ 4 นี่ดีที่สุดครับ สำหรับนักยิงแอด Facebook สนใจคอร์สสอนยิงแอด Facebook แบบลงลึก เจอตัว จับมือทำ เรียนแบบลุยไปพร้อมกันจนกว่าจะทำได้ 2 วันเต็มๆ และ ปรึกษาฟรีหลังจากเรียนจบ จนกว่าจะได้ยอดขาย การันตีถ้าเรียนแล้วไม่พึงพอใจ ยินดีคืนเงิน 100% ช่องทางการติดต่ออ.รอน วิศรุต สอนยิงแอด โทร 093-626-3542Line : @ronfacebookFacebook : รอน วิศรุต สอนยิงแอดส่วนตัว-ช่วยแก้ไขปัญหาแอดเฟซบุ๊ก หรือ https://www.facebook.com/Ronwitsarut