วันที่ 24 ม.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภเลขาธิการพรรค นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์และนโยบายเศรษฐกิจ นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรค พันเอกวินัย สมพงษ์ ที่ปรึกษาพรรคนายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรค นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค นายวรวุฒ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค นายดล เหตุตระกูล รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าสาขาพรรค ตัวแทนพรรคชาติพัฒนากล้า ประจำจังหวัด และสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้า ร่วมกันเปิดนโยบายเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งและขับเคลื่อนประเทศ บนแนวคิด “งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง” นายสุวัจน์ กล่าวว่า รัฐบาลและสภากำลังจะครบเทอม พรรคการเมืองทุกพรรคก็เตรียมนโยบาย พรรคชาติพัฒนากล้าก็เป็นพรรคหนึ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลักที่ต้องเข้ามาแก้ไข ทุกพรรคต้องร่วมมือกันในการนำเสนอนโยบาย เพื่อให้ประชาชนมีความหวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นทางออกของประเทศ พรรคชาติพัฒนากล้าจึงขออาสาเข้ามาทำงานตรงนี้ โดยมีแนวคิดว่า “งานดี มีเงิน ของไม่แพง” สร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจใหม่ โดยเปิดนโยบายทั้งหมด 12 เรื่อง คือ 1.นโยบายในเรื่องการที่จะสร้างเศรษฐกิจใหม่ ที่อยู่บนพื้นฐานความเข้มแข็งทรัพยากร และความยั่งยืน ภายใต้คอนเซ็ปท์ spectrum economy หรือเศรษฐกิจหลากสี ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินใหม่มากกว่า 5 ล้านล้านบาท ที่จะมาหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจที่จะนําไปสู่เม็ดเงินประมาณ 5 ล้านล้านบาท 2.นโยบายลดค่าใช้จ่ายโดยปรับโครงสร้างภาษีใหม่บุคคลธรรมดา โดยตั้งเป้าหมายว่าคนที่เงินเดือน 40,000 บาทแรกไม่ต้องเสียภาษี 3.นโยบายด้านพลังงานในเรื่องของราคาไฟฟ้าและราคาน้ำมันนั้น จะมีการปรับโครงสร้างการคิดค่าการกลั่นและค่าการตลาดเสียใหม่ และจะปรับกำลังการผลิตไฟฟ้าให้มีสำรองลดลง เพื่อการนำไปสู่ค่า FT รวมทั้งการส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ยอดพลังงานไฟฟ้า4.นโยบายด้านสินเชื่อจะเสนอให้ใช้ระบบ Credit Score ซึ่งจะมีการรายงานเครดิตทุกๆ ด้านๆ ของการใช้จ่าย แทนที่จะรายงานด้านการขาดการชำระด้านเดียว ซึ่งปัจจุบันมีผู้ได้รับผลกระทบ 5 ล้านคน 5. นโยบายการใช้ระบบดิจิทัลมาปรับปรุงระบบราชการ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว รวดเร็ว โปร่งใส 6.นโยบายสร้างเกษตรใหม่ที่จะเป็นแพลตฟอร์มใหม่ทางด้านเศรษฐกิจ โดยจะเน้นการแปรรูปสินค้าเกษตรให้เป็นสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก เพิ่มจำนวนการสร้างงาน และยกรายได้เกษตรกร7.นโยบายด้านการศึกษาให้เด็กไทยเรียนสามภาษาและให้มีการเรียนรู้ตลอดเวลา Lifelong Learning เพิ่มทักษะให้คนมีโอกาสทำงานมากขึ้น 8.นโยบายในการสร้างทุนธุรกิจสร้างสรรค์ หรือผู้ประกอบการให้กับคนรุ่นใหม่ โดยจะมีกองทุนให้กู้ยืมเงิน 1 แสนบาทถึง 1 ล้านบาทต่อรายไม่จำกัดวุฒิและวัย 9. นโยบายในการสนับสนุนให้ผู้สูงอายุ 12 ล้านคน ได้มีโอกาสใช้ชีวิตและประสบการณ์ให้มีคุณค่า โดยจะสนับสนุนให้บริษัทที่จ้างงานผู้สูงอายุ เดือนละ 5,000 บาท ในการจ้างผู้สูงอายุทำงาน โดยเตรียมตำแหน่งไว้ 500,000 ตำแหน่ง 10.นโยบายอารยสถาปัตย์ โดยสนับสนุนเงินให้บ้านละ 50,000 บาทต่อหลังเพื่อไปปรับปรุงตามมาตรฐานความปลอดภัยในการรองรับผู้สูงอายุไปอยู่ด้วย 11.นโยบายสร้างมอเตอร์เวย์ทั่วไทย 4 ทิศ 2,000 กิโลเมตร เพื่อความปลอดภัยและส่งเสริมการลงทุน การท่องเที่ยวไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศและนโยบายข้อสุดท้าย 12.คือ นโยบายเรื่องการท่องเที่ยว ที่จะสร้างนักท่องเที่ยงให้ได้ครบ 70 ล้านคน ภายใน 4 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาทต่อปี เพื่อให้เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวของโลก “วันนี้ เราได้เปิดรับฟังความคิดเห็นด้วย เพราะกฎหมายเลือกตั้งกับกกต. บอกว่านโยบายที่ใช้ควรที่จะมีการรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนพรรคสาขาพรรค สมาชิกพรรค ซึ่งวันนี้ทางพรรคก็ได้เชิญตัวแทนสาขาพรรคมาทั่วประเทศแล้ว หลังจากนั้นเราก็จะปรับปรุงให้สมบูรณ์ แล้วก็เสนอกับ กกต. แต่ว่าพรรคชาติพัฒนากล้า นอกจากจะมีนโยบายพรรคโดยภาพรวมแล้ว พรรคชาติพัฒนากล้าก็มีฐานทางการเมืองที่อีสานที่โคราช ฉะนั้น เราก็จะมีนโยบายสําหรับโคราชและภาคอีสาน แต่วันนี้เปิดนโยบายใหญ่ๆ ที่เป็นภาพแม็คโคร ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศแล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นนโยบายที่ภาคอีสานที่จังหวัดนครราชสีมา คาดว่าจะเปิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ อาจจะเป็นวันแห่งความรัก” ประธานพรรค กล่าวว่า สนามเลือกตั้งที่โคราชครั้งนี้ จาก 14 เป็น 16 เป็นสนามที่โฟกัสในการต่อสู้ในการแข่งขันทางการเมืองสูง เพราะโคราชเป็นประตูสู่อีสาน ฉะนั้น อะไรที่เกิดขึ้นที่โคราช ก็จะมีผลต่อจังหวัดอื่นๆ ดังนั้น จะเห็นว่าการแข่งขันค่อนข้างที่จะดุเดือด แต่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า เชื่อมั่นว่าด้วยนโยบาย ที่เรากําลังจะนําเสนอจะเป็นนโยบายที่ทําให้เกิดความมั่นใจ ว่าโคราชต้องกลับมายิ่งใหญ่ คําว่า “ยิ่งใหญ่” ถ้าถามคนโคราชก็จะนึกถึงเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ วันที่ท่านพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกฯ อยากได้บรรยากาศอย่างงั้นกลับมา “เรามีความมั่นใจว่านโยบายนี้ สามารถที่จะทําให้จังหวัดนครราชสีมากลับมาเป็นฐานทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ แล้วก็จะเป็นประตูสู่อีสานที่จะนําภาคอีสานสู่ความเป็นสากล ทางด้านการลงทุนการค้า การท่องเที่ยว เรามั่นใจว่าชาติพัฒนากล้า คัมแบ็ค ที่โคราช” นายสุวัจน์ กล่าว ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค ได้กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจ spectrum economy หรือเศรษฐกิจหลากสี โดยจะสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้เกิดขึ้นตามจุดแข็งสังคมไทยและทรัพยากรที่เรามีอยู่ เพื่อให้เกิดรายได้มากกว่า 5 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็น 7 สี คือ เศรษฐกิจสีเหลือง คือ การนำเอา Soft Power ของประเทศมาใช้, เศรษฐกิจสีรุ้ง คือการสร้างความเสมอภาคในสังคมของความหลากหลายทางเพศให้เกิดความเท่าเทียม และก่อให้เกิดธุรกิจสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง,เศรษฐกิจสีเขียว คือ เศรษฐกิจที่เกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต พลังงานหมุน อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ,เศรษฐกิจสีเทา คือ การนำธุรกิจที่ยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายมาเป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม,เศรษฐกิจสีขาว คือ เศรษฐกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวสายมูและธุรกิจเวลเนสต่างๆ, เศรษฐกิจสีเงิน คือ เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการดูแลผู้สูงอายุที่มีมากกว่า 12 ล้านคน และเศรษฐกิจสีน้ำเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีและการอุตสาหกรรม นอกจากนี้ นายกรณ์ ยังได้กล่าวถึงนโยบายการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อลดรายจ่ายโดยการจะขยายฐานเพดานให้ประชาชนที่มีรายได้เดือน 40,000 บาทลงไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อคนไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน โดยกระทบต่อรายได้ของแผ่นดินเพียงเล็กน้อย ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค ได้กล่าวถึงนโยบายการสร้างมอเตอร์เวย์ทั่วประเทศ ที่จะสร้างความปลอดภัยและขยายการลงทุน การท่องเที่ยวไปยังทั่วประเทศ รวมทั้งมีนโยบายที่จะเร่งรัดบางปะอิน-โคราช ให้สามารถเปิดใช้งานได้โดยเร็ว เพื่อประโยชน์ของคนอีสานของคนโคราช ขณะที่ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์และนโยบายเศรษฐกิจ ได้เน้นย้ำถึงการปรับโครงสร้างค่าการกลั่นของน้ำมัน การปรับโครงสร้างของการคำนวณค่า FT เพื่อลดค่าไฟฟ้าและการแสวงหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติมจะทำให้ราคาน้ำมันและไฟฟ้าถูกลงสินค้าต่างๆ ก็จะราคาไม่แพง นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ได้เน้นถึงการปรับใช้ Credit Score มาแทนระบบเครดิตในปัจจุบัน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาการขอสินเชื่อมากกว่า 5 ล้านราย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ได้กล่าวถึงการปรับโครงสร้างสินค้าเกษตรให้เป็นแพลตฟอร์มใหม่ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศโดยเน้นในเรื่องของการแปรรูปและใช้อุตสาหกรรมเข้ามายกระดับราคาสินค้าเกษตร นางเยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรคได้พูดถึงนโยบายการศึกษาเพื่อดูแลเยาวชนของชาติ โดยเน้นย้ำให่เด็กไทยต้องเรียนรู้อย่างน้อย 3 ภาษา นายวรนัย วานืชกะ ที่ปรึกษาหัวพรรค ได้กล่าวถึงนโยบายในการดูแลผู้สูงอายุโดยให้การสนับสนุนแก่ภาคเอกชนเดือนละ 5,000 บาทต่อการจ้างผู้สูงอายุ 1 คนเข้าทำงาน และการจัดงบประมาณให้ปรับปรุงบ้านตามอารยสถาปัตย์ เพื่อให้ผู้สูงอายุอยู่ได้หลังคาเรือนละ 50,000 บาท รวมทั้งการให้ทุนสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเป็นนักธุรกิจหรือเถ้าแก่ใหม่รายละ 100,000 บาทถึง 1 ล้านบาท นายสุวัจน์ ได้กล่าวสรุปถึงความมั่นใจของนโยบายทั้ง 12 ข้อ ว่าสามารถดำเนินการได้เพราะเป็นแนวคิดที่เกิดจากประสบการณ์ที่พรรคเคยดำเนินการมาตลอดโดยเฉพาะหัวหน้าพรรคท่านแรกของพรรค ช่วงพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สร้างให้ประเทศยิ่งใหญ่ GDP โตมากกว่า 10% ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน ทำให้การเปิดประตูโคราชสู่อีสาน เปิดประตูอีสานสู่อินโดจีน ฉะนั้น เป็นการรวมพลังบุคลากรของพรรคชาติพัฒนา รวมทั้งประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจของนายกรณ์ คงจะมั่นใจได้ว่าจะเป็นประโยชน์ที่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชน