เปิดเส้นทางความเป็นมาของ ThaipropertyInvestor หรือ บริษัท ไทยพร็อพเพอร์ตี้อินเวสเตอร์ มุ่งมั่นพัฒนาบุคลากร สู่นักขายหัวใจนักลงทุนที่เข้าใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย กับ “คุณนิธิธัช จิรเวศยกุล” กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ผู้คร่ำหวอดในวงการนายหน้าอสังหาฯ มานานกว่า 10 ปี โดยมีความเชื่อว่า “เราจะขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนได้ดี ถ้าเราเข้าใจอย่างถ่องแท้ ทั้งนักลงทุนและเจ้าของทรัพย์ ผ่านการเป็นทั้งคนซื้อ คนขาย และคนกลาง” จึงได้เรียนรู้ mindset การลงทุน และเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์พร้อมผู้เช่าในหลากหลายประเภท รวมถึงการ Flipping ซื้อมาขายไป และผ่านจบขายอสังหาฯ มาเกือบทุกประเภท ในที่สุดจึงเกิดไอเดียที่จะพัฒนาทีม Agent รุกตลาดอสังหาฯ เพื่อการลงทุนเต็มรูปแบบ ผุดแคมเปญ “นักขายอสังหาฯ หัวใจนักลงทุน” พร้อมด้วยแคมเปญ “ซื้อขายยุติธรรม ต้อง ThaiPropertyInvestor” ผลงานความสำเร็จที่ผ่านมาของ ThaipropertyInvestor มีอะไรบ้าง ผมคิดว่าการเป็นผู้นำในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ดำเนินธุรกิจมาน่าจะเป็นตัวสะท้อนได้ดี ซึ่งเราสร้างการซื้อขายให้เกิดขึ้นแล้วมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ในเรื่องของความเชื่อมั่นและน่าเชื่อถือที่มากขึ้น ทำให้ ThaipropertyInvestor ขยาย Segment ของตลาดไปสู่อสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นอย่างครอบคลุม ทำให้ทุกวันนี้ทรัพย์ที่ทางเราดูแลอยู่จึงมีทุกประเภท รวมแล้วกว่า 500 รายการ คิดว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ อย่างแรกเลยผมคิดว่า “ความคุ้มค่าคือคำตอบของทุกสิ่ง” โดยทางเรามีการคำนวณผลตอบแทนการลงทุนและมูลค่าทั้งมูลค่าที่แท้จริงและมูลค่าที่แฝงอยู่ บางที่บางแห่งเพียงแค่ซื้อก็ได้กำไรแล้วจากมูลค่าที่ดิน ทำเล แถมยังสร้างรายได้ให้ผู้ลงทุนตลอดระยะเวลาที่ถือครองอยู่อีกด้วย ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่า ThaipropertyInvestor เรามีความรู้รอบ รอบรู้ และรู้จริงในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ “ความชัดเจน จริงใจ ตรงไปตรงมา และความซื่อสัตย์” ต่อทั้งตนเองและผู้อื่นก็ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เรานำเสนอข้อมูลให้แก่ลูกค้าทุกคนโดยละเอียดและไม่มีการปกปิดใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงให้ความรู้ ให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่สนใจทุกท่าน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ จนกว่างานจะสำเร็จ คิดว่าทิศทางตลาดอสังหาฯ ในอนาคต จากมุม ThaipropertyInvestor เป็นอย่างไร ผมขออธิบายง่ายๆ ตาม 6 ข้อนี้แล้วกันนะครับ ข้อแรกคือ Retirement & Wellness Home ปัจจุบันแทบทุกประเทศสังคมโดยรวมเป็นสังคมของคนสูงอายุ ดังนั้นธุรกิจอสังหาฯ ก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เราต้องรู้ว่าบุคคลที่ผ่านการทำงาน การใช้ชีวิตอย่างหนัก เหน็ดเหนื่อยมา 60 ปี บุคคลที่มีเวลา มีเงิน แต่สุขภาพร่างกายเสื่อมไปตามกาลเวลา เขาต้องการสิ่งใด เขามองปัจจัยอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงสิ่งแวดล้อมหรือบริการด้านศูนย์บริการทางสุขภาพรองรับ ข้อที่สอง Sustainable & Green Living จากการเปลี่ยนผันทั่วโลกตั้งแต่ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิตอล ทั่วโลกมีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติไปมาก ส่งผลให้เกิดภาวะที่เป็นภัยต่างๆ ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวตาม ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอสังหาฯ ก็เช่นกัน การออกแบบ การสร้างต่างๆ รวมถึงวัสดุที่ใช้จำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งต้องบอกว่า “ต่อให้เราไม่รักโลก เราก็จะถูกโลกบังคับให้รัก เพราะถ้าไม่รัก..ภัยธรรมชาติจะเป็นคนตัดสินเราเอง” ข้อที่สาม Digital LifeStyle Integration & Minimalism ด้วยความที่ปัจจุบันเป็นยุคดิจิตอล ทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีมากขึ้น ใช้งานสะดวกขึ้น ทำให้บ้านอัจฉริยะ (Smart Home) แทบจะกลายเป็นฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานที่ที่อยู่อาศัยยุคใหม่ต้องมี รวมถึงการใช้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ในการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการอยู่อาศัย และการใช้ชีวิตแบบมินิมอลลิสต์ในเรื่องพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มีขนาดเล็กแต่ครบทุกฟังก์ชัน ข้อที่สี่ Resort Home & Pet Friendly หากมองไปถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง โดยเอาใจเขามาใส่ใจเราคงจะดีไม่น้อยจริงไหมครับ ถ้าเราได้อยู่บ้านที่สวยเหมือนอยู่รีสอร์ต เหมาะจะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจจริงๆ เหมือนกับได้หยุดพักผ่อนทุกครั้งที่ได้กลับบ้าน บวกกับสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงต่างๆ ได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้มากขึ้น ก็คงจะสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในปัจจุบัน ข้อที่ห้า เทรนด์การเช่า ลดภาระค่าครองชีพ เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความฝืดเคือง ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยและการลงทุน รวมถึงวางแผนการเงินอย่างรัดกุม เมื่อตัดสินใจซื้อหรือลงทุนท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การเช่าจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกเช่าได้ในทำเลใกล้ที่ทำงานได้หรือที่เป็นประโยชน์ต่อตนมากที่สุด ในราคาที่จับต้องได้โดยไม่มีภาระผูกมัดระยะยาวและยืดหยุ่นกว่า ส่งผลให้การเช่ากลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และข้อสุดท้าย Metaverse (โลกเสมือน) ปัจจุบันพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป เราใช้เวลาใน Social Media ผ่าน Smart Phone บางทีมากกว่าที่เราใช้เวลาอยู่ในชีวิตจริง รวมถึงเทคโนโลยี Augment Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) ทำให้ปัจจุบันหลายโครงการอสังหาฯ มีการใช้ Virtual Tour (การเยี่ยมชมในโลกเสมือน) มาใช้ในการเยี่ยมชมโครงการที่พักอาศัยประกอบการตัดสินใจซื้อจริง ซึ่งปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่เราอยู่กับตัวตนใน Social Media มากกว่าอยู่ในชีวิตจริง ทำให้เกิดการให้ค่าตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นมา อย่าลืมว่า! 1 User ใน Social Media นั่น เท่ากับ 1 ตัวตน ถามว่าแล้ววันนี้เรามีตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วไม่รู้เท่าไร? ก็เป็นเหตุประจวบเหมาะให้การเข้ามาของ Metaverse มีโอกาสที่จะเป็นกระแสหลักต่อไปในอนาคต คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ ThaipropertyInvestor โดดเด่นหรือแตกต่างจากผู้อื่น อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ในเรื่องของความชัดเจน จริงใจ ตรงไปตรงมา การซื่อสัตย์ต่อทั้งตนเองและผู้อื่นเป็นปัจจัยที่ทำให้ ThaipropertyInvestor ประสบความสำเร็จ โดยเรายึดถือคุณธรรมข้อนี้ในการทำงานมาโดยตลอด ต่อให้ใครจะมาเป็นลูกค้าหรือไม่ได้มาเป็นลูกค้าของเราก็ตามเราก็ยังคงยังรักษาความดีนี้ไว้ และที่สำคัญเรามีความรู้จริงในสิ่งที่เราทำอยู่ การศึกษาทำให้เรารู้รอบและการลงมือทำทำให้เรารอบรู้ แต่การล้มเหลวและสำเร็จนับไม่ถ้วนทำให้เรารู้จริง นอกจากนี้ในด้านคุณภาพของทรัพย์ ปริมาณที่เราดูแลอยู่ หรือราคาเองก็ตาม ทุกอย่างเราคัดสรรและจัดสรรคิดในมุมของลูกค้า เสมอเหมือนเราเป็นลูกค้าด้วยตัวของเราเอง สุดท้ายนี้อยากให้พูดถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายต่อไปของ ThaipropertyInvestor เราตั้งเป้าเป็น..บริษัทตัวแทนอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ในประเทศไทย คิดจะซื้อขายอสังหาฯ เมื่อไร ให้ ThaipropertyInvestor เป็นอันดับแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของคนไทย! ซึ่งเราไม่ได้ตั้งเป้าเป็นยอดขายแต่ตั้งเป้าเป็นผลงาน และเวลานี้เราเร่งพัฒนาและปรับตัวตามกระแสของโลกที่เปลี่ยนไป ตาม Trend ของอสังหาฯ ที่เรากล่าวไปข้างต้น ปัจจุบันนี้เราจึงตั้งใจพัฒนา Platform ของเราที่ทำอยู่ให้มีประสิทธิภาพและมีความละเอียดมากขึ้น และใช้งานง่ายขึ้น ต้องบอกว่าตั้งใจพัฒนาให้มีระบบข้อมูลแบบ Google เลยทีเดียว คือถ้าต้องการรู้เรื่องอสังหาฯ สามารถเข้ามาปรึกษากับเราได้ทุกเมื่อโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ โดยไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนที่เข้ามาจะมาเป็นลูกค้าของเรา แต่เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราเหมือนคนปลูกต้นไม้มีหน้าที่รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดศัตรูพืช ส่วนหน้าที่โตเป็นของต้นไม้ แม้ต้นไม้จะยังไม่โตเราก็ยังไม่ตัดทิ้ง แต่จะดูแลรักษาต่อเพราะเรามีหน้าที่ทำให้ดีที่สุดอย่างสุดกำลัง เท่าที่เราจะทำได้ก็เพียงพอและมีความสุขแล้ว.. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมwww.thaipropertyinvestor.netFacebook : Thaipropertyinvestor ที่อยู่บริษัท 28 ถนน นวธานี แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานครเวลาที่เปิดให้บริการ 09.00-17.00 น.