เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีชิงโล่พระราชทานพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ครั้งที่ 53 ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมากับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน “100 ดวงใจ สานใยสองราช พัฒนาชาติด้วยศาสตร์ศิลป์แผ่นดินไทย” โดยมี รศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กรรมการบริหารมหาวิทยาลัย คณาจารย์ นักศึกษาทั้งสองสถานบัน ร่วมงานในพิธี ณ สนามกีฬากลาง(NRRU STADIUMS) มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นายสุวัจน์ กล่าวว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาเป็นประธาน ในพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีชิงโล่พระราชทาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ครั้งที่ 53 ภายใต้แนวคิด “ 100 ดวงใจ สานสายใยสองราช พัฒนาชาติด้วยศาสตร์ศิลป์แผ่นดินไทย” ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานในวันนี้ และขอแสดงความชื่นชมที่ทั้งสองมหาวิทยาลัย ได้ร่วมแรงร่วมใจจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณี ที่เปี่ยมด้วยสายใยแห่งความผูกพันของทั้งสองมหาวิทยาลัยที่สืบทอดมายาวนานและการที่ทั้งสองมหาวิทยาลัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม พระราชทานโล่รางวัลมาเป็นมิ่งมหามงคล เป็นหนึ่งในสองของประเทศ ที่ได้รับพระราชทานโล่ ถือเป็นเกียรติอันสูงสุด ยากที่มหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาคเทียบเคียงได้ควรที่ทุกท่านในจังหวัดนครราชสีมา จะได้น้อมรําลึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ และควรช่วยกันรักษาเกียรติยศนี้ ได้ดํารงสืบไป นายสุวัจน์ กล่าวว่าทั้งสองมหาวิทยาลัยถือว่าเป็นสถาบันการศึกษาหลักของจังหวัดนครราชสีมา คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน มี 5 คณะ มหาลัยราชภัฏนครราชสีมา มี 8 คณะ รวมกันเป็น 13 คณะ ถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวิชาการที่สามารถที่จะผนึกกําลังกันในการพัฒนาท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ต่อจังหวัดนครราชสีมา และการแข่งขันฟุตบอลประเพณีในวันนี้ จะเป็นการเชื่อมโยงการทํางานร่วมกันของนิสิต นักศึกษา บุคลากร อาจารย์ ของ 2 สถาบันเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้เกิดพลังที่สําคัญ ในการเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้พี่น้องประชาชน ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการทุกท่านประสบปัญหาเดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น อันเนื่องมาจากโควิดและสถานการณ์หลายๆ อย่างรอบโลกที่ล้อมรอบตัวเรา ฉะนั้น วันนี้ การผนึกกําลัง ผนึกความรักความสามัคคี และผนึกงานทางด้านวิชาการ แล้วนําไปสู่การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ ช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน พี่น้องเกษตรกร ในการเพิ่มพูนความรู้ ทักษะต่าง ๆ ให้ทุกท่านสามารถลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง ขึ้นมามีกําลังอีกครั้งหนึ่งในการฝ่าฟันวิกฤตไปได้ ก็จะเป็นประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้น การที่ใช้กีฬาเป็นเครื่องมือที่สําคัญในการสร้างความรัก ความสามัคคีนั้น เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะว่าหลักของกีฬาอยู่ที่ว่ารู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ถ้าทุกท่าน พวกเรารู้จักคําว่า แพ้ รู้จักคําว่า ชนะ รู้จักการให้อภัย ก็จะมีแต่ความรัก มีแต่ความสามัคคี ไม่มีความขัดแย้ง ก็จะเป็นพลังสําคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมือง พัฒนาจังหวัดนครราชสีมา ให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป นายสุวัจน์ กล่าว่าในนามของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เจ้าภาพในการจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีชิงโล่พระราชทาน ครั้งที่ 53 ผมขอขอบพระคุณนักกีฬา ผู้ฝึกสอน คณาจารย์ นักศึกษา และบุคลากรของทั้งสองมหาวิทยาลัยที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ จัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีชิงโลรพระราชทาน ครั้งที่ 53 ขอขอบพระคุณหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ที่ได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือสนับสนุน การจัดงานครั้งนี้ จนบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ ทั้งนี้ บรรยากาศภายในงานมีการจัดริ้วขบวนอัญเชิญโล่พระราชทานและตราประจำมหาวิทยาลัย ขบวนพาเหรด การแปรอักษรบนอัฒจันทร์ที่จะมีการเล่าเรื่องวัฒนธรรมโคราชที่น่าสนใจ โชว์เชียร์ลีดเดอร์ และการแข่งขันฟุตบอลประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ผลปรากฏว่า 2:0 มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา ได้โล่พระราชทานฯ ไปครองในปีนี้ ท่ามกลางเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน สร้างความสุขให้ชาวโคราช