สุวัจน์ ชูนโยบายสร้างเศรษฐกิจใหม่ บนจุดแข็ง เกษตร ท่องเที่ยว อาหาร ใช้โคราชโนมิกส์ สร้างอีสานร่ำรวยด้วยระเบียงเศรษฐกิจใหม่
สุวัจน์ ชูนโยบายสร้างเศรษฐกิจใหม่ บนจุดแข็ง เกษตร ท่องเที่ยว อาหาร ใช้โคราชโนมิกส์ สร้างอีสานร่ำรวยด้วยระเบียงเศรษฐกิจใหม่
วันที่ 13 มีนาคม 2566 โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพ เครือมติชน จัดเวทีเลือกตั้ง 2566 บทใหม่ประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ "ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง" มีตัวแทนจาก 8 พรรคการเมืองร่วมขึ้นเวทีประชันนโยบาย ประกอบด้วย “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
"วราวุธ ศิลปอาชา" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)
"สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
“นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช" ประธานคณะกรรมการด้านนโยบายและเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย (พท.) "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.)
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่าพรรคชาติพัฒนากล้าจะให้ความสําคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอยู่ในแนวคิดที่ว่า “มีงาน มีเงิน ของไม่แพง” จากนี้ไปจะใช้คําว่ “รบ” คือ รบบนจุดแข็ง อะไรที่ไม่ใช่จุดแข็งไม่รบ เอาจุดแข็งมาเป็นเศรษฐกิจ จุดแข็งที่เห็นก็คือสินค้าเกษตร ประเทศไทยเป็นอํานาจทางเศรษฐกิจด้านเกษตร เรายังไม่ได้นํามาใช้ในเรื่องของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในการเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น 2.เมืองไทย อุดมสมบูรณ์ ในการเป็นอาหารป้อนโลก 3.เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทั่วโลกยอมรับ 4.เมืองไทยเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วย. Soft power ทั้ง 4 ข้อคือจุดแข็งที่จะเป็นพื้นฐานในการไปต่อยอดนโยบายภาพรวมของพรรคชาติพัฒนากล้า และสิ่งที่สองที่ต้องลบ คือ “ล” ลบสิ่งที่เป็นปัญหาอุปสรรคของประเทศ วันนี้มีอยู่สองเรื่อง คือ 1.ปัญหาความขัดแย้ง 2.ปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง นอกเหนือจาก เศรษฐกิจแล้วพรรคชาติพัฒนากล้าก็จะต้องเข้าไปมีส่วนในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเมือง และลดปัญหาความขัดแย้งในสังคม
นายสุวัจน์ กล่าวว่าสําหรับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคชาติพัฒนากล้ามีอยู่ 8 เรื่อง คือ 1.
สร้างเศรษฐกิจใหม่ที่อยู่บนพื้นฐานของความเข้มแข็งคือ เศรษฐกิจเฉดสี ซึ่งวันนี้เราได้แบ่งเบาภาระของพี่น้องประชาชนไปเยอะ และก็สร้างเศรษฐกิจใหม่ที่จะมาสร้างเงินสร้างงานไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านบาท 2.ให้ความสําคัญกับนโยบายเรื่องการท่องเที่ยว เพราะการท่องเที่ยวเป็นจุดแข็ง ทําได้ทันที มั่นใจพวกนี้บินมาเลย ขอให้ปลอดภัย แล้ววันนี้ เรามีศักยภาพอยู่แล้ว นโยบายการท่องเที่ยวเป็นนโยบายที่ลดความเหลื่อมล้ำ รายได้จากการท่องเที่ยวกระจายไปทุกหมู่บ้าน ทุกตําบล ทุกอาชีพ ไม่กระจุก อันนี้คือ จุดแข็งที่เราจะบูมการท่องเที่ยวให้เป็นสองเท่าใน 4 ปีข้างหน้า
3.พัฒนาภาคอีสานและโคราช ด้วยนโยบาย โคราชโนมิกส์ Koratnomics ใช้ภูมิรัฐศาสตร์ของความได้เปรียบของอีสานที่เชื่อมโยงสู่ลาวสู่จีนสู่เส้นทางสายใหม่ ยุโรป แอฟริกา สร้างอีสานให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ คล้ายๆ กับ EEC มีเศรษฐกิจพิเศษ แล้วใช้ความเข้มแข็งศักยภาพของคน มหาวิทยาลัย สนามบิน โครงสร้างพื้นฐานทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ใต้ดินทั้งหมดมาสร้างอีสานให้เป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่ เป็นเมืองอุตสาหกรรมใหม่ เป็นเมืองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่โคราชมีของดีอยู่ชิ้นหนึ่งที่ยูเนสโก กําลังจะประกาศให้โคราชเป็นอุทยานธรณีโลก วันนี้เขาใหญ่ก็เป็นมรดกโลก, เขตพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราชก็เป็นมรดกโลก
ฉะนั้น ถ้าเดือนพฤษภาคมนี้ โคราชได้รับการรับรองให้เป็นอุทยานธรณีโลก โคราชจะเป็นหนึ่งในสามจังหวัดของโลก ที่มี Triple Crown (ทริปเปิ้ลคราวน์) มีสามมงกุฎของยูเนสโกอยู่ที่นี่ เราจะดีไซน์การเชื่อมโยงสามมงกุฎนี้ด้วยถนนยูเนสโก้รูท แล้วพัฒนาให้เป็นถนนท่องเที่ยวระดับโลก เป็นพื้นฐานในการสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ให้ยิ่งใหญ่ต่อไป
นโยบายข้อ 4. คือ สร้างมอเตอร์เวย์ทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนได้ใช้มอเตอร์เวย์ลดความเหลื่อมล้ำและเป็นอินฟราสตรัคเจอร์
รองรับการ และมอเตอร์เวย์ ไม่จําเป็นจะต้องออกจากกรุงเทพฯ มาจากปลายทางก็ได้ มาจากภาคใต้ มาจากภาคเหนือ มาจากอีสานเข้ามาก็ได้ในการที่จะกระจายความเจริญให้ทั่วถึง 5.ใช้เทคโนโลยีใช้ดิจิทัล เพื่อสร้างความสะดวกสบายสร้างความทันสมัย และลดการทุจริต คอรัปชั่นทั้งหลายที่เกิดขึ้น 6.รื้อโครงสร้างพลังงาน เพื่อลดต้นทุนในชีวิตให้กับคนไทยทั้งประเทศ
สุดท้ายผมอยากจะบอก ว่าพรรคชาติพัฒนากล้าจะระดมสรรพกําลัง ผมเป็นประธานพรรค เป็นรองนายกฯ มาแล้วสองครั้ง เป็นรัฐมนตรีว่าการไปแล้วเจ็ดกระทรวง คุณกรณ์ หัวหน้าพรรคเป็นรัฐมนตรีคลังมาแล้ว คุณเทวัญ เลขาธิการพรรคก็เป็นรัฐมนตรีสํานักนายกมาแล้ว นี่คือ พลังของประสบการณ์ บวกกับดีเอ็นเอของการทําการเมืองที่ไม่ขัดแย้งของท่านพลเอกชาติชายฯ
ฉะนั้นจะตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาประเทศคือ ลดความขัดแย้งทางการเมือง สร้างความยิ่งใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศ ขอให้กําลังใจชาติพัฒนากล้า
สำหรับประเด็นการหารายได้ทางอ้อม ด้วยการลดค่าใช้จ่ายนั้น นายสุวัจน์กล่าวว่าพรรคชาติหน้ากล้าเสนอการวิจัย การปรับโครงสร้างพลังงาน เพื่อที่จะลดค่าน้ํามัน ลดค่าแก๊ส ลดค่าไฟฟ้าให้กับพี่น้องประชาชน ในเรื่องของค่าการกลั่น ค่าการตลาด ต้นทุนการผลิตไฟฟ้า มาจากพลังงานทดแทน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นต้นทุนที่ลดให้กับพี่น้องประชาชนก็คือ เพิ่มรายได้ทางอ้อม
และสองการปรับโครงสร้างภาษี 40,000 บาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่ถึงไม่ต้องเสียภาษี เพื่อแก้ทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำ และเอาเงินค่าภาษีใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าของพี่น้องประชาชน
“พรรคชาติพัฒนากล้า ให้ความสําคัญในการแก้ไขปัญหาในเชิงนโยบาย อันนี้ถือว่าเป็นการสร้างความยั่งยืน ความมั่งคั่ง แล้วแก้ไขปัญหาทุกสิ่งไม่เป็นภาระต่อพี่น้องประชาชนในระยะยาว”
ส่วนประเด็นเรื่องการปฏิรูปกองทัพนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่าโดยรัฐธรรมนูญในหมวดว่าด้วยการปฏิรูป มาตรา 258 ได้เขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า รัฐบาลมีหน้าที่ในการที่จะปรับปรุงปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้เกิดความทันสมัยแล้วทันกับความเปลี่ยนแปลง ฉะนั้น พอพูดถึงการปฏิรูปกองทัพคิดว่ากองทัพก็เหมือนกับส่วนราชการทั่วไป ที่อาจจะมีข้อบกพร่องอะไรต่างๆ เราก็ปฏิรูปให้มันดี เช่น เรื่องการเกณฑ์ทหาร ว่าควรจะเกณฑ์ทหารหรือไม่จริงๆ แล้วปัญหาเรื่องการเกณฑ์ทหารอาจจะเป็นประเด็นที่เบาลงไปทันทีและทุกท่านอาจจะอยากเป็นทหารด้วยเพราะเป็นอาชีพที่มีเกียรติได้ปกป้องประเทศชาติ ปกป้องมาตุภูมิรักษาความมั่นคง เพียงแต่เราทําให้กระบวนการในการเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องที่ทหารเกณฑ์มีรายได้ที่ดี มีตำแหน่งหน้าที่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ สร้าง Incentive สร้างรายได้ที่เพียงพอ ซึ่งสามารถจะปรับปรุงกระบวนการขั้นตอนต่างๆ หรือในเรื่องของการลงทุนของกองทัพก็ต้องคิดให้รอบคอบว่าอาวุธส่วนไหนที่ควรที่จะลงทุน แล้วคํานึงถึงงบประมาณว่ามีความเพียงพอหรือไม่ ถ้าเราสามารถบริหารแล้วชี้แจงให้สังคมได้รับทราบให้สังคมสบายใจ ขณะเดียวกันกองทัพก็มี asset อยู่มาก เป็น asset ที่เกิดจากภาษี งบประมาณต่างๆ เวลาที่มีอุทกภัย มีภัยสาธารณะทหารออกมาช่วย เครื่องจักร เครื่องมือของทหารที่ออกมาช่วย อันนั้น คือการใช้ asset ของประเทศอย่างคุ้มค่าใช้ในการช่วยเหลือสังคม รวมทั้งการนำ asset ของกองทัพให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม มันก็จะเป็นเรื่องที่ดี
ฉะนั้น การปฏิรูปกองทัพเป็นเรื่องที่ดีที่ทําให้ทหารได้รับการยอมรับ และบทบาทของกองทัพนั้นก็จะไม่ใช่เรื่องความมั่นคงอย่างเดียว แต่มาช่วยส่วนรวม ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก็จะเป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีซึ่งกันและกัน