สุวัจน์ ชาติพัฒนากล้า ดัน 10,000 ล้าน กองทุน SOFT POWER สร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์สู่ระดับโลก นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวในงานเสวนา soft power ขับเคลื่อนประเทศ? ในหัวข้อ เปิดนโยบายพรรคการเมือง ผลักดัน soft power สู่ระดับโลก จัดโดยเครือเนชั่น ว่าประเทศไทยมีจุดแข็งคือ soft power คือ ตัวตน วัฒนธรรม ภูมิปัญญาของไทย วันนี้ถ้าจะรบให้ชนะ อย่าไปรบบนจุดอ่อน ต้องรบบนจุดแข็ง พรรคชาติพัฒนากล้าได้มองสิ่งนี้จึงได้ดีไซน์ออกแบบนโยบายในการกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจ คือ การหยิบ soft power หยิบพลังของคนไทยมารบมาสู้ และสร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ เราคิดในเรื่องของเศรษฐกิจใหม่ เช่น เศรษฐกิจสีขาว การท่องเที่ยวสายมู เศรษฐกิจสีเหลือง คือ การใช้ soft power เป็นพลังในการสร้างวัฒนธรรม การส่งออกทางด้านวัฒนธรรมของชาติ เศรษฐกิจสายสีเขียว เมืองไทยเป็นเมืองอาหารป้อนโลกเศรษฐกิจสายสีน้ําเงิน ผู้สูงอายุเมืองไทยเป็นเมืองเวลเนส wellness ต่างๆ ฉะนั้น อุตสาหกรรมที่เราครีเอทที่อยู่บนพื้นฐานของ soft power จะเป็นพลังที่ทําให้เราสามารถสร้างกําลังทางเศรษฐกิจได้มากขึ้นถึง 5 ล้านล้านบาท จากอุตสาหกรรมใหม่ ขณะเดียวกันเราให้ความสําคัญเรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เราเคยมีนักท่องเที่ยวมา 40 ล้านคน วางเป้าหมายอีก 4 ปีข้างหน้า 70 ล้าน สิ่งที่จะสร้างพลังทางเศรษฐกิจได้ต้องให้นักท่องเที่ยวเพิ่มวันเที่ยว เพิ่มเงินที่ใช้แต่ละวัน ด้วยการใช้พลังของวัฒนธรรมไทยผลักดัน ใช้พลังของ soft power ให้เมืองไทยเป็นเมืองเวลเนส ให้เมืองไทยเป็นเมืองสตรีทฟู้ด ให้เมืองไทยเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารการกิน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะไปซัพพอร์ตเรื่องนโยบายการท่องเที่ยวของพรรคชาติพัฒนากล้า นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดนโยบาย “โคราชโนมิกส์ “ เพื่อให้ภาคอีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ เน้นการท่องเที่ยวในภาคอีสาน ใช้ soft power เป็นแรงสนับสนุน พร้อมกับสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น เมื่อกินอาหารไทย ดูมวยไทย อยากมาเมืองไทย ดูมิสยูนิเวิร์สแล้วอยากมาดูผ้าไหมไทย สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือ คือ จุดขายในเรื่องของ soft power ของภาคอีสานที่จะมาเสริมพลังการท่องเที่ยว ฉะนั้น พรรคชาติพัฒนากล้ามองว่าการท่องเที่ยววันนี้ต้องใช้ soft power เป็นตัวดันและต้องมาสร้างครีเอทีฟ อีโคโนมี คือ สร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่ม นายสุวัจน์ กล่าวว่าพรรคชาติพัฒนากล้าจะส่งเสริมเรื่อง soft power เสนอให้มีการจัดตั้งกองทุน soft power หมื่นล้าน มีหน้าที่สนับสนุน soft power อยู่ 4 อย่าง คือ 1.โปรโมชั่น ส่งเสริมให้มีการจัดเทศกาลอาหารไทย เฟสติวัลใหญ่ๆ เทศกาลมวยไทยใหญ่ๆ เทศกาลภาพยนตร์ไทยใหญ่ๆ อันนี้ก็คือการต่อยอด ในการสร้างครีเอทีฟ อีโคโนมี ด้วยการโปรโมชั่นจากกองทุน soft power 2. สร้างพรีเซนเตอร์ สมมุติเรามีศิลปินดังๆ ทุกคนสร้างตัวเขาขึ้นมา แต่ถ้ากองทุน soft power มองว่าคนนี้ต้องเป็นเชฟระดับโลก หรือคนที่จะต้องเป็นภราดร ศรีชาพันธุ์ต่อไปในอนาคตกองทุน soft power คือ สร้างพรีเซนเตอร์ ไม่ใช่ให้เขาโตเอง กองทุน soft power ไปช่วยให้เขาโต3.กองทุน soft power มีหน้าที่ในการส่งเสริมอาร์แอนด์ดี งานวิจัย เพื่อจะได้ไปคิดว่าจะต่อยอดแบบไหนที่จะทําให้เป็นธุรกิจอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัฒนธรรม ในแต่ละส่วนของ soft power ที่เป็นจุดแข็ง 4.กองทุน soft power มีหน้าที่ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่จะถูกลืม อนุรักษ์การต่อสู้ fighting ต่างๆ อย่างคำกล่าวว่า”หมัดหนักโคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา ไวกว่าท่าเสา” คือ บุคลิกของมวยไทยโบราณ จะอนุรักษ์เอาไว้ได้อย่างไร ฉะนั้น soft power คือ พลังที่จะกู้วิกฤติชาติ จากนี้ไปพรรคชาติพัฒนากล้าจะผลักดันเรื่องนี้ สำหรับนโยบายส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมไทยนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่าอยู่ในกรอบนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าอยู่แล้ว เพราะพรรคได้จัดทํานโยบายในการที่จะใช้เรื่อง soft power เรื่องวัฒนธรรม เราก็มีนโยบายเป็นเฉดสีในการที่จะส่งเสริมให้ทุกคน ทุกภาคส่วนได้เข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจสีขาว เศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจสีเหลือง โดยเฉพาะเศรษฐกิจสีเหลือง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ soft power โดยตรง แต่ว่าประเด็นในการที่จะดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาจะต้องมีการดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดโปรโมชั่น การจัดกิจกรรมในการที่จะดึงคนรุ่นใหม่เข้ามา ฉะนั้น วันนี้อยากจะมีกิจกรรมดี กิจกรรมเพื่อนศิลปวัฒนธรรมที่เป็นอินเตอร์ กิจกรรมที่เป็นกีฬาระดับโลก หรือกิจกรรมใหญ่ๆ ที่ภาคเอกชนเป็นคนจัดหรือภาครัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ฉะนั้น ถ้ามีการส่งเสริม มีการสนับสนุนจากภาครัฐผ่านกองทุน soft power หมายความว่าถ้าคนรุ่นใหม่อยากที่จะจัดอะไร ก็สามารถที่จะใช้กองทุน soft power เข้าไปส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือในเรื่องของเกี่ยวข้องกับ soft power อะไรต่างๆนอกจากนี้ พรรคยังมีนโยบายจะสร้างเถ้าแก่รุ่นใหม่ จากคนรุ่นใหม่ ด้วยการมีโครงการในเรื่องของการให้ทุน ให้ทุนกู้ยืมไม่เกินคนละหนึ่งล้านบาท ถ้ามีความคิดในเรื่องของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่จะต่อยอดในการเป็นนักธุรกิจก็สามารถจะมากู้เงินผ่านกองทุนนี้ได้ ซึ่งเป็นคนละกองทุนกับกองทุน soft power ที่สำคัญ soft power เป็นสมบัติของชาติ เป็นมรดกอันล้ำค่าของชาติ เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษเราได้มอบให้กับเรา แล้ววันเวลามันเป็นพลังอันอ่อนโยน แต่เป็นสิ่งเดียวที่จะกู้วิกฤติของชาติได้ “ผมอยากจะเชิญชวนพวกเราทุกคน มาช่วยกันอนุรักษ์ส่งเสริมต่อยอดเรื่องพลัง soft power เพื่อให้เป็นพลังในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ วันนี้เราใช้พลังต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแล้ว พลัง soft power มีอยู่สิ่งหนึ่งที่แฝงเอาไว้ก็คือ ความรักชาติ เวลาเราเห็นอาหารไทย เห็นนักกีฬาไทย เห็นผ้าไทย เห็นแฟชั่นไทย เห็นหนังไทย ความรู้สึกรักชาติเกิดขึ้น ฉะนั้น นอกจากเศรษฐกิจแล้ว ความรักชาติบ้านเมืองจะเกิดขึ้นได้”นายสุวัจน์ กล่าว สำหรับประเด็นกีฬามวยไทยเป็นที่นิยมแต่มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่าเรื่องมวยไทยต้องมีการควบคุมให้ถูกต้องเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของกีฬา เรื่องมีการพนันหรืออะไรก็ต้องเข้ามาควบคุมเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ว่าไม่ใช่เป็นเจตนาของการโปรโมท ไม่ใช่เจตนาของนักมวย ไม่ใช่เจตนาของผู้จัด มวยไทยเป็นอะไรที่เป็นครีเอทีฟอินดัสตรีส์ที่สามารถจะต่อเติมจาก soft power ยกตัวอย่างเช่น มวยไทยสมัย อภิเดช เดชฤทธิ์ ยนต์กิจ ค่าตัว 50,000 บาท ปัจจุบันค่าตัว 1 ล้านถึง 3 ล้านบาท นี่คือประโยชน์ของ soft power นอกจากโปรโมทให้คนมาเที่ยวแล้ว ตัว soft power เองสามารถสร้างคุณค่าในเรื่องของเศรษฐกิจ “วันนี้ใครมาเมืองไทยอยู่ในปฏิทินเป้าหมายคือ ต้องมาดูมวยไทย มาเรียนมวยไทย มาซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย มวยไทยไฟท์วันนี้เป็นสัญลักษณ์ของคนไทยไปแล้ว ได้รับเชิญไปจัดในต่างประเทศ เป็นสื่อกลางของวัฒนธรรมของการต่อสู้ ทำให้ทั่วโลกรู้จักการท่องเที่ยว ฉะนั้น มวยไทยเป็น Fighting อันหนึ่งที่อยู่ใน soft power แต่ว่าที่พี่น้องประชาชนเป็นห่วงในเรื่องของการพนันก็ต้องเข้ามาช่วยกันทำให้ soft power เป็นพลังในการที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจ และส่งเสริมให้การท่องเที่ยวกับประเทศไทยจริงๆ”นายสุวัจน์ กล่าว