เบิร์ด เชิดสกุล พลาลักษ์ อายุ 42 ปี ชาวอ.มะขาม จ.จันทบุรี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะวิศวกรรรมศาสตร์ ภาควิชาโยธา เมื่อเรียนจบในระดับอุดมศึกษาก็ได้รับโอกาสเป็นวิศวกรในบริษัทเอกชนชื่อดัง เคยมีโอกาสรับงานโครงการก่อสร้างเมกะโปรเจค โครงการสำคัญๆ หนึ่งในนั้น คือ โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ จากนั้นย้ายไปทำงานในบริษัทกระเบื้องเซรามิกอันดับต้นๆ ของประเทศไทย เมื่อสะสมประสบการณ์ในองค์กรเอกชนประมาณ 3 ปี เริ่มรู้สึกอิ่มตัว จึงตัดสินใจกลับมาทำธุรกิจค้าขายยางรถยนต์ที่บ้านเกิด จ.จันทบุรี ธุรกิจเติบโตด้วยดีขยายสาขาได้ถึง 3 สาขา ในพื้นที่ อ.มะขาม อ.เขาคิชฌกูฏ และ อ.เมือง ด้วยความที่พื้นเพครอบครัวเป็นชาวสวน และเขาได้คลุกคลีกับลูกค้าที่มาใช้ซื้อยางรถยนต์ โดยเฉพาะกลุ่มพี่น้องเกษตรกร จึงทำให้ทราบปัญหาของคนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการเพาะปลูก ผลไม้ราคาตกต่ำเพราะล้นตลาด หรือ แม้กระทั่งระบบการบริหารน้ำ ระบบชลประทานที่ยังไม่สมบูรณ์ในบางพื้นที่ นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมา เบิร์ด เชิดสกุล ได้มีโอกาสเป็นสมาชิกหอการค้าจังหวัดจันทบุรี ได้ร่วมทำงานสังคมกับภาคเอกชน เมื่อได้ลงพื้นที่จริงก็เริ่มเห็นปัญหาของชุมชนชัดเจนขึ้น นับเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาอยากนำความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในภาคธุรกิจ มาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จึงสนใจเข้าสู่สนามการเมืองท้องถิ่นในวัย 31 ปี โดย พ.ศ.2555 เขาได้เริ่มดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลมะขามได้ 8 ปี และในปีพ.ศ.2564 เคยสมัครลงเลือกตั้งนายกเทศบาลเมืองมะขาม แต่ไม่ได้รับเลือกตั้งในสมัยนั้น และล่าสุดในการเลือกตั้งปี 2566 ในบทบาทว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 เขต พรรคประชาธิปัตย์ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอขลุง อำเภอมะขาม อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว หากเขามีโอกาสได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 เรื่องเร่งด่วนที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นในจ.จันทบุรี ได้แก่ 1. ผลักดัน ยุทธศาสตร์ 2021 จันทบุรี มหานครผลไม้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการผลักดันการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตผลไม้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ การผลิต การแปรรูป ช่องทางการจัดจำหน่าย การส่งออก การลดต้นทุนการผลิตในภาคการเกษตร การรักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้า ระบบชลประทาน รวมถึงแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนในภาคการเกษตร 2.สร้างเครือข่ายสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน หวังดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานให้ประชาชนได้เข้าถึงสิทธิพื้นฐานได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม และผลักดันให้จ.จันทบุรีเป็นศูนย์กลางในการรักษาพยาบาลในภาคตะวันออก ผลักดันให้มีการจัดตั้งหมู่บ้านเพื่อดูแลผู้สูงอายุในวัยเกษียณ รองรับการเข้าสังคมผู้สูงอายุของไทย ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างทางเลือกให้กลุ่มผู้สูงอายุแล้ว ยังเป็นการสร้างตำแหน่งงานและอาชีพให้กับคนในท้องถิ่นอีกด้วย และท้ายสุด อยากให้เมืองจันท์เป็นเมืองน่าอยู่อาศัย ประชาชนทุกระดับชั้นมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงมีความปลอดภัยในการชีวิตในทุกๆ ด้าน