วันที่ 9 เมษายน 2566 ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย 3 โครงการทอดผ้าป่าก้าวแรกของพระบรมศาสดา การคืนคุณค่าชีวิตของชาวเนปาลให้กลับมาเดินได้ ณ สถานที่พระองค์ประสูติ คือ ลุมพินี ที่ประเทศเนปาล จังหวัดลุมพินี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 โดยมีจํานวนคนไข้ทั้งหมด 19 คน 19 ข้อ ด้วยความร่วมมือของภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และภาพกายบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ชมรมศิษย์เก่าแพทย์ออร์โธปิดิกส์ ศิริราช มูลนิธิศัลยฯ สร้างข้อต่อชีวิต มูลนิธิเก้ายังยืน โดยการนำของหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโถ หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์ วันนี้ได้ยอดรวม 8,367,298 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่าโครงการก้าวแรกของพระบรมศาสดา ถือเป็นความตั้งใจของคณาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล ที่อยากจะนําเอาสิ่งที่เราชาวศิริราชเราชาวไทยจะได้ไปช่วยคนเนปาล ที่เขามีปัญหาเรื่องของข้อเข่า เราตั้งใจจะไปช่วยเหลือโดยการผ่าตัดให้เขามีข้อเข่าที่เป็นปกติ สามารถเดิน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนพวกเราทุกคนไทยวันนี้ มีความปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งที่เห็นความตั้งใจ ศรัทธาที่คนไทยมีต่อพระองค์ศาสดาของศาสนาพุทธ ความเมตตา ความเอื้ออาทร เราไม่เพียงแต่ช่วยเหลือคนไทยแต่เผื่อแพร่ช่วยเหลือคนบนโลกนี้ โดยเฉพาะที่เนปาลพระพุทธเจ้าทรงมีพระสูติกาลแล้วก็ก้าวแรกบนโลกใบนี้ นําพาซึ่งศาสนาที่มีความสําคัญทําให้เราเป็นคนที่มีปัญญา คนที่มีเหตุผล เราเชื่อมั่นว่าความตั้งใจที่จะไปช่วยคนในการจะช่วยทําให้พระพุทธศาสนาเจริญก้าวหน้าต่อไป ถือเป็นสิ่งที่ศิริราชตั้งใจที่นอกเหนือจากช่วยคนไทยแล้ว เราก็อยากจะสร้างสรรค์สุขภาวะให้แก่มนุษย์ชาติด้วย ถือว่าเป็นโครงการแรกและจะมีโครงการดีๆ อย่างนี้อีกในแถบประเทศเพื่อน เช่น ภูฏาน ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ เพราะนอกจากการไปรักษาแล้วอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถจะไปแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ให้กับหมอที่นั้น เพื่อจะสามารถดูแลประชาชนของเขาได้ต่อไป สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สําคัญ ถ้าเราทำให้เพื่อนบ้านเข้มแข็งเขาก็จะมองเหมือนกับเรา ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในสถานะที่เราเป็นสถาบันการแพทย์ของแผ่นดิน ศิริราชเราเป็นโรงพยาบาลที่มีความสําคัญกับประเทศ และเป็นโรงพยาบาลที่มีความสําคัญกับโลกใบนี้ด้วยเช่นเดียวกัน “ปัจจุบันการแพทย์การผลิตของประเทศไทยมีความทันสมัยล้ำหน้าเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้ว คุณหมอที่จบจากสถาบันการแพทย์ของประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ที่เรียกว่า มาตรฐานระดับโลก รวมถึงหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นเลิศ คนไข้จากต่างชาติมารับการรักษาที่เรา ถือว่าเป็น medical hub ของเอเชีย” คณบดีฯ กล่าว ศ.นพ. กีรติ เจริญชลวานิช ประธานมูลนิธิศัลย์ฯสร้างข้อต่อชีวิต นายกสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ได้เห็นพุทธศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวและเป็นที่ศรัทธาของประชาชนอย่างแท้จริงในการที่จะร่วมบุญกุศลตอบแทนบุญคุณถิ่นกําเนิดของพระพุทธองค์ ได้นําความเมตตาไปสู่ชาวเนปาลที่ขาดแคลน โดยวันนี้เราเห็นถึงความศรัทธาอย่างมาก ปิติในหัวใจอย่างที่สุดที่เราเชื่อมั่นว่าพุทธศาสนาจะยังเป็นที่พึ่ง เป็นที่ศรัทธาที่ยั่งยืนอีกนานแสนนาน เพราะว่าผู้คนเมื่อเข้ามาร่วมใจกันในการที่สละทรัพย์ร่วมแรงร่วมใจกันในการทําบุญครั้งนี้ โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา “ปลื้มปิติในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง ที่พวกเราโดยผ่านทางพระอาจารย์สุธรรม พระอาจารย์อินทร์ถวาย อาจารย์อนิมาล ได้เป็นผู้รวบรวมกระแสบุญตรงนี้ เราก็จะทําหน้าที่สะพานบุญที่ดีที่สุด เพื่อนําผลบุญนี้ไปยังประโยชน์ต่อผู้ที่เต็มที่” นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าชื่นใจมากญาติโยมมาร่วมบุญกันมากมาย ตนมีโอกาสร่วมงานกุศลกับมูลนิธิเก้ายั่งยืนครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกโครงการซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลราชบุรี ครั้งที่สองนี้เป็นการข้ามไปต่างประเทศเป็นโครงการพระพุทธศาสนาร่วมกับทางการแพทย์ในการผ่าตัดข้อเข่าให้กับชาวเนปาล เป็นการช่วยเพื่อนมนุษย์ชาติ ที่สำคัญ เป็นโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ด้วย ถือว่าเป็นโครงการที่ดีมาก ด้าน หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี กล่าวว่าแสดงออกถึงน้ําจิตน้ําใจของพวกชาวพุทธไทยว่าเราจะไม่ลืมพระคุณของประเทศเนปาลเพราะเป็นสถานที่ชาติภูมิของพระพุทธเจ้าก่อเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าได้ประสูติ ณ สถานที่แห่งนั้น พุทธศาสนาที่แผ่ขยายมาเราต้องยกส่วนหนึ่งให้ประเทศเนปาล มีพระคุณอย่างยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นการสร้างบุญอันนี้ โดยได้คุณหมอกีรติ เป็นผู้จุดประกายที่จะไปผ่าหัวเข่า เปลี่ยนหัวเข่าให้ชาวเนปาล ซึ่งมีฐานะค่อนข้างยากไร้ และยังมีการอบรมให้ความรู้กับหมอชาวเนปาลให้เขาสามารถยืนอยู่ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นการที่พวกเราได้มาร่วมกันในการทําบุญผ้าป่าในคราวครั้งนี้ นับว่าเป็นบุญ อย่างมหาศาล เป็นการบูชาคุณของพระพุทธเจ้าที่แนบสนิทอย่างแน่นอน และเป็นการแทนคุณแผ่นดินประเทศเนปาลด้วย ฉะนั้น เชื่อเถอะว่าบุญกุศลทั้งหลายที่พวกเราชาวไทย ชาวพุทธทั้งหลายได้สั่งสมในวันนี้ บุญทั้งหลายเหล่านี้ จะไม่มีคําว่าสาบสูญไปไหนอย่างแน่นอน จะรวมอยู่ภายในจิตในใจ ของพวกเราทุกท่านทุกคน รวมเข้าไปเป็นบุญเป็นวาสนาที่จะส่งเสริมพวกเราไปตลอดให้มีแต่ความสุขความเจริญ ก้าวหน้ามั่นคงในการดําเนินชีวิต จนกระทั่งถึงภพชาติที่มีสติที่งามตลอดไปอย่างแน่นอน พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กล่าวว่าเป็นโครงการที่ดีทางคณะแพทย์ศิริราช ได้จัดโครงการอันนี้ ถือว่าเป็นก้าวแรกจริงๆ เราคงมองเห็นความสําคัญของการเคลื่อนไหวของร่างกายพวกเรา ทุกคนเกิดมาก็อยากจะเคลื่อนไหว แต่เมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บโดยเฉพาะในเรื่องของขาเข่าย่อมเป็นปัญหาโดยประเทศเนปาล เป็นประเทศที่ยังไม่พัฒนา เจริญทางการแพทย์ เพราะฉะนั้น การที่พวกเราในฐานะที่เป็นชาวพุทธได้ไปช่วยเหลือ โดยเฉพาะในย่านที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ก็คือแถวลุมพินี ซึ่งแถวนั้นคนโดยทั่วไปจะเป็นคนที่ยากจน เป็นพวกมุสลิม เป็นพวกฮินดู การที่เราได้ไปช่วยเขาก็เท่ากับว่าได้พุทธบารมี จากประเทศไทยได้ไปเผยแพร่ไปถึงพวกคนพื้นเมืองที่ยังไม่มีโอกาสเป็นก้าวแรกที่อาจเรียกว่า เป็นเจตนาที่ดีประโยชน์ของตามที่พระพุทธเจ้าบอกก็คือก้าวแรก เดินไปเพื่อประโยชน์สุข และความสุขและประโยชน์ของคนทั่วไป เป็นการเรื่องของการช่วยเหลือมนุษยชาติ เหมือนกับพุทธเจ้าท่านบอกว่าถ้าเราเห็นใครแล้วแต่ป่วย เราควรที่จะไปช่วย ถ้าอุปถัมภ์คนป่วยเท่ากับว่าอุปถัมภ์พุทธเจ้า“โครงการนี้ ถือว่าเป็นก้าวแรก ก้าวที่ดี เพราะเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์ เป็นเรื่องของการที่จะให้ความช่วยเหลือ เราให้ความรู้เป็นธรรมทาน เราพยายามให้สุขภาพ เรากําลังจะให้สิ่งที่เขาไม่มี สิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่เขาปรารถนา ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ นั่นก็คือ สิ่งที่เรียกว่า การให้ทาน โดยเฉพาะการให้ทานอันนี้ ไม่ใช่เป็น ทาน ให้วัตถุหรืออะไร เป็นทานให้ชีวิต เท่ากับว่าให้ชีวิตเขา ให้ความสุข ความสะดวกเขา เป็นโครงการที่น่ายกย่อง” พระอาจารย์อนิลมาน กล่าว