“สุวัจน์” นำทีมเดินหน้าดันโคราช เป็นดินแดนแห่ง 3 มงกุฎของยูเนสโก จัดระบบท่องเที่ยวถนนวงแหวนโชว์ศักยภาพ พื้นที่มรดกโลกกระตุ้นการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางการท่องเที่ยว “ยูเนสโกรูท” ดินแดนแห่ง 3 มงกุฎของยูเนสโกพื้นที่มรดกโลกของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ “โคราชโนมิกส์” โดยเริ่มต้นการเดินทางสำรวจเส้นทางไปยังพื้นที่มรดกโลกกลุ่มป่าดงพยาเย็นเขาใหญ่ ชมป่าดงดิบที่สมบูรณ์ของมรดกโลกเขาใหญ่ บ้านคลองปลาก้ัง ตำบลวังหมี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นจุดตำนานกระทิง หรือจุดชมวิวกระทิง เขาใหญ่ โดยการนั่งรถปิกอัพของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าพื้นที่ 3 กม.ก็เจอจุดชมกระทิง โชคดีวันนี้ กระทิงออกมาให้ยลโฉมเป็นฝูงเลย จากนั้นเดินทางไปยังพื้นที่สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ลุยป่า ดูความสมบูรณ์ ของป่าสะแกราช ซึ่งเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช อำเภอปักธง ชมป่าดึกดำบรรพ์และต้นไม้ตะเคียนหิน อายุกว่า 600 ปี มีไก่ฟ้าพระยาลอ มีนกนานาชนิด ที่สำคัญ สถานีวิจัยแห่งนี้ เป็นศูนย์ศึกษาเชิงนิเวชมีชื่อเสียงของประเทศ จากนั้นเดินทางต่อไปชมพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ซากดึกดำบรรพ์ ช้าง ไดโนเสาร์ พร้อมเบื้องหลังงานวิจัยที่พื้นที่สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน อยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายสุวัจน์ กล่าวว่าจังหวัดนครราชสีมาถือเป็นจังหวัดเดียวที่เป็นดินแดนแห่ง 3 มงกุฎของยูเนสโก ที่มีพื้นที่มรดกโลกในจังหวัดเดียว 3 แห่ง ซึ่งเป็นจุดเด่นของจังหวัดที่น่าจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพื่อดึงรายได้เข้าประเทศ โดยทางจังหวัดนครราชสีมา ต้องมีโปรแกรมอนุรักษ์ของยูเนสโกครบทั้ง 3 โปรแกรม ที่คล้ายกับเมืองซาเลอร์โน ประเทศอิตาลี หรือ จังหวัดเชจู ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีทั้งมรดกโลก (World Heritage) พื้นที่สงวนชีวมณฑล (Biosphere Reserve) และอุทยานธรณีโลก (Global Geopark) อยู่ภายในพื้นที่จังหวัดเดียวกันโดยเชื่อมโยงแหล่งมรดกโลก, พื้นที่สงวนชีวมณฑลและอุทยานธรณีโคราช ที่กำลังจะกลายเป็นอุทยานธรณีโลก หากยูเนสโกประกาสรับรอง คาดกลางเดือนพฤษภาคมนี้โคราชจะมีข่าวดี ประเทศไทยจะมีข่าวดีจังหวัดนครราชสีมา จะเป็นจังหวัดที่สามของโลก จังหวัดที่สองของเอเซียและแห่งแรกของประเทศไทย ช่วยส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวและเกิดประโยชน์กับชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักอนุรักษ์และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทั้งนี้ ยูเนสโกต้องการให้เกิดการอนุรักษ์ บรรพชีวิตและธรณีวิทยาให้ยั่งยืนโดยมีชุมชนมีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและพัฒนาก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมีการท่องเที่ยวในเชิงธรณีวิทยา เที่ยวในเชิงวัฒนธรรม ผสมผสานการนำ Soft Power กับธรณีวิทยาและจ้างงาน มีอาชีพและรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ซึ่งจังหวัดนครราชสีมาถือว่ามีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ขณะนี้โคราชได้มรดกโลกมาแล้ว 2 มงกุฎ คือ 1.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2.เขตพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช อ.ปักธงชัย เป็นมรดกโลก และ 3.รอการประเมินรับรองอุทยานธรณีโคราชหรือโคราชจีโอพาร์คขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลก ฉะนั้น ถ้าเดือนพฤษภาคมนี้ โคราชได้รับการรับรองให้เป็นอุทยานธรณีโลก โคราชจะเป็นหนึ่งในสามจังหวัดของโลก ที่มี Triple Crown (ทริปเปิ้ลคราวน์) มีสามมงกุฎของยูเนสโกอยู่ที่นี่ เราจะดีไซน์การเชื่อมโยงสามมงกุฎนี้ด้วย “ถนนยูเนสโกรูท” แล้วพัฒนาให้เป็นถนนท่องเที่ยวระดับโลก เป็นพื้นฐานในการสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ให้ยิ่งใหญ่ต่อไป “เส้นทางยูเนสโกสรูท ขับรถท่องเที่ยวเขาใหญ่ เห็นเขาแผงม้า เห็นกระทิง ไปดูไม้กลายเป็นหิน ไปดูความอุดมสมบูรณ์ที่สะแกราช มีสินค้าโอทอป มีห้องน้ําสะอาด มีจุดชมวิว จุดถ่ายรูป มีสินค้าพื้นบ้าน พื้นเมือง ปรับปรุงถนนเส้นเก่าทำให้ดีเติมชีวิต เติมเสน่ห์ความงามของสองฝั่งถนนคนทั่วโลก นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาเที่ยวยูเนสโกรูท นี่คือ โคราชเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์” นายสุวัจน์ กล่าวว่าหากสามารถผลักดันการท่องเที่ยวที่มีความเชื่อมโยงได้อย่างเป็นระบบทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโครงการแห่งที่ 3 มงกุฎของยูเนสโก และโครงการสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) เพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทยอย่างยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง และเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมดพร้อมกับดึงจุดเด่นในแต่ละจังหวัดที่สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวได้คาดว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า จะทำให้เกิดการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้กว่า ปีละ 5 ล้านล้านบาท และเกิดการสร้างอาชีพ ให้กับประชาชนได้มากขึ้น “โอกาสเรื่องการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะเติบโต โอกาสการท่องเที่ยวของเมืองโคราชมหาศาล เราต้องช่วยกันรักษาธรรมชาติ ช่วยกันคิด ช่วยกันทํา สร้างยูเนสโกรูทขึ้นมาแล้วก็เร่งรถไฟฟ้าความเร็วสูง เร่งโครงสร้างพื้นฐานให้จบทุกคนจะร่ำรวย ผู้ประกอบการท่องเที่ยวประเทศจะมีขึ้นอีกมหาศาล” นายสุวัจน์ กล่าว