หากพูดถึงสถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 ในช่วงต้นปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมากำลังเข้าขั้นวิกฤต โดยเฉพาะหลายพื้นที่เกือบทั่วประเทศไทย กำลังประสบปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทัศนวิสัยการมองเห็นและการขับรถแย่ลง ตึกสูงน้อยใหญ่มัวมากเมื่อมองจากระยะไกล รวมถึงยังสร้างความกังวลให้ประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย ซึ่งนับเป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่ใหญ่มากในเวลานี้ PM2.5 เป็นฝุ่นพิษที่ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่มันอยู่ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนมานานแล้ว โดยทั่วไปจะมีมากในช่วงเปลี่ยนถ่ายของฤดูกาล และสามารถแบ่งสาเหตุได้ดังนี้ - แหล่งกำเนิดปฐมภูมิ เช่น การคมนาคมขนส่ง, การเผาในที่โล่งแจ้ง, โรงงานอุตสาหกรรม, โรงงานผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล, การเผาพลาสติก, การเผาไหม้วัสดุธรรมชาติ เผาใบไม้ เผาซากพืชจากการเกษตร - แหล่งกำเนิดทุติยภูมิ เช่น ปฏิกิริยาเคมีในอากาศ โดยมีสารเคมีกลุ่มซัลเฟอร์ หรือกลุ่มไนโตรเจนและแอมโมเนียเป็นสารตั้งต้น รวมทั้งสารเคมีต่างๆ ที่เป็นอันตราย เช่น ปรอท, แคดเมียม, สารหนู, โพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน และสารก่อมะเร็งจำนวนมาก โดยฝุ่น PM 2.5 สามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั่วไประยะสั้นและระยะยาว เช่น ทำให้มีปัญหาผื่นคัน ผื่นแพ้, ลมพิษ, ผิวหน้าเหี่ยวแพ้ง่าย และเกิดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มมากยิ่งขึ้นด้วย รวมถึงส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ กระตุ้นภูมิแพ้, โรคหืด, โรคถุงลมโป่งพอง, ทำให้เกิดปัญหาโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, มะเร็งปอด มีผลต่อการพัฒนาการสติปัญญาของเด็ก และอีกมากมาย แต่อีกหนึ่งภัยร้ายแรงที่เป็นสาเหตุให้เกิด PM2.5 นั่นก็คือ "ภัยอันตรายจากขยะพลาสติก" เพราะพลาสติกถือเป็นวัสดุที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าหรือครัวเรือน รวมถึงของกินของใช้ในยุคปัจจุบัน ก็ต่างใช้วัสดุจากพลาสติกทั้งสิ้น จึงทำให้พลาสติกกลายเป็นขยะที่มีปริมาณมาก เพราะพลาสติกเป็นวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายด้วยตัวเองเนื่องจากเป็นสารสังเคราะห์ และเป็นวัสดุที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดในทุกๆ วันทั่วโลก อีกทั้งจึงทำให้หลายๆ คนหาวิธีในการกำจัดพลาสติกเหล่านี้ ด้วย "การเผาพลาสติก" ซึ่งหารู้ไม่ว่าวิธีนี้อาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้ เพราะการเผาพลาสติกจะยิ่งทำให้เกิดสารพิษในชั้นบรรยากาศจากส่วนประกอบของพลาสติก อาจนำไปสู่การปนเปื้อนของแหล่งน้ำ แหล่งดิน รวมไปถึงอาหารการกิน ส่งผลกระทบทั้งคน สิ่งแวดล้อม และสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด มักตายด้วยถุงพลาสติก เพราะมันคิดว่าเป็นอาหารจึงทานเข้าไปโดยไม่รู้ตัว จะดีกว่าไหม? ถ้าคุณลดการใช้ถุงพลาสติก ไม่ใช้ภาชนะบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องโฟม และหันมาใช้วัสดุที่ทำมาจากวัสดุทางธรรมชาติแทน สำหรับใครที่สนใจต้องการภาชนะจากวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายเอง สามารถพกติดตัวไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก และที่สำคัญเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขอแนะนำ "KSM เครื่องปั๊มจานวัสดุธรรมชาติ" บริการผลิตถ้วยจานวัสดุธรรมชาติเพื่อลดปัญหาหมอกควันและไฟป่า ลดปัญหาขยะจากการใช้พลาสติกและโฟมที่คุณต้องไม่ควรพลาด! "KSM เครื่องปั๊มจานวัสดุธรรมชาติ" เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาภาวะโลกร้อน อันเนื่องมาจากปัญหาโฟมและพลาสติกล้นโลก จึงศึกษาและคิดค้นเครื่องปั๊มจานวัสดุธรรมชาติที่นอกจากสวยงามแล้ว ยังสามารถช่วยลดโฟมได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ใบไม้ ใบจาก กาบไผ่ กาบหมาก และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้เลยว่าเป็นหนึ่งทางเลือกใหม่สำหรับคนรักสิ่งแวดล้อม ที่กำลังมาแรงเป็นอย่างมากในยุคนี้ การันตีความคุ้มค่าได้อย่างแน่นอน! สนใจติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดได้ทางFacebook : KSM เครื่องปั๊มจานวัสดุธรรมชาติID Line : pkohseedTel : 096-3597949