บทสัมภาษณ์สุด Exclusive! กับ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.พงษ์กิจ เอกวิทยาเวชนุกูล เจ้าของสถาบันเสริมศักยภาพวิชาการ MATH-SCIENCE และ CADET-TUTOR
การศึกษาไทยในปัจจุบัน เป็นยุคสังคมแห่งการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง มีหลากหลายรูปแบบให้มนุษย์ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็วโดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาในสถานศึกษาของไทย เพื่อให้ก้าวทันโลก และในวันนี้เราได้รับบทสัมภาษณ์สุด Exclusive จาก "ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.พงษ์กิจ เอกวิทยาเวชนุกูล" เจ้าของสถาบันเสริมศักยภาพวิชาการ แมท-ไซน์ MATH-SCIENCE และสถาบันสอบเข้าโรงเรียนเตรียมความเข้าพร้อมเข้าสู่เตรียมทหาร CADET-TUTOR และยังผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาไทยที่เด็กรุ่นใหม่มักคุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.พงษ์กิจ เอกวิทยาเวชนุกูล หรือ "อาจารย์พี่ดร.เอ" ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการมหาวิทยาลัย และคณะทำงานอนุกรรมาธิการการศึกษา รวมถึงยังมีประสบการณ์อีกมากมาย อาทิ เวทีแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ PEPTEIN อยากเป็นหมอ อาจารย์แนะแนวเฉลยข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้กับเว็บไซต์ และในปีล่าสุดก็ได้รับเชิญจากกระทรวงศึกษาธิการออกรายการ Easy Tcas ทาง ETV ในวิชาเฉพาะแพทย์ เป็นต้น
รวมถึงยังทำงานเกี่ยวกับงานวิจัยด้านการศึกษาการสอบแพทย์ในยุคนี้ อาจารย์พี่ดร.เอพบว่า ช่วง 3-4 ปีนี้ นี้มีการนักเรียนสอบแพทย์ในระบบกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คณะแพทย์ ทันตะ เภสัช สัตวแพทย์ จากเมื่อก่อนมีจำนวนคนสอบประมาณ 26,000 คนต่อปี โดยในแต่ละรุ่นจะมีคนที่สอบวิชาเฉพาะแพทย์ จนขยับมาถึงกระทั่ง 30,000 และปีล่าสุดก็ 48,000 ซึ่งการที่นักเรียนมีความสนใจในการสอบ วิชาเฉพาะแพทย์หรือเราเรียกว่า "TPAT 1" มีผู้ยื่นสอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมในอาชีพแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และสัตวแพทย์ รวมไปถึงกลุ่มแพทย์ทหารอีกด้วย
อาจารย์พี่ดร.เอ กล่าวว่า "อีกหนึ่งกลุ่มที่กำลังมาแรงไม่แพ้กัน นั่นก็คือ กลุ่มแพทย์ทหาร ซึ่งต้องใช้วิชาเฉพาะแพทย์หรือกสพท. ในการยื่นเข้าวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฏ เนื่องจากสถาบันเราเปิดมา 20 ปีแล้วดูแลการสอบเข้ามาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนแพทย์ หรือ นักเรียนเตรียมทหาร เด็กส่วนใหญ่ก็เลยได้มาฝึกการเตรียมความพร้อมในการเป็นแพทย์ทหาร ที่เราเห็นนั้นว่าคนสอบ 48,000 คนแต่คนผ่านในรอบที่ยื่นได้จริงๆ เหลือแค่ประมาณ 10,000 คน
เพราะว่าส่วนใหญ่จะถูกบล็อก ด้วยคะแนนขั้นต่ำหรือคะแนน 30% ของวิชา A-Level ได้แก่ คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อังกฤษ ไทย สังคม โดยเด็กๆ ต้องผ่านคะแนนขั้นต่ำคือ 30% จึงมีสิทธิ์ยื่นคณะแพทย์ได้ฉะนั้นพอไปถึงจังหวะที่ยืนจริงๆ ก็จะเหลือประมาณ 10,000 คน ซึ่งคะแนนสูงสุดในวิชาแพทย์นั้น จะไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ทั้งที่คนสอบปริมาณเยอะ แต่ทำไมคะแนนสูงสุดไม่เปลี่ยนแปลง ก็แปลว่าการเตรียมตัวของ คนสอบ ก็ยังเหมือนเดิม นั่นแปลว่าคนผ่านหรือคนที่จะมีสิทธิ์ยื่นหรือคะแนนต่ำสุดสูงสุดยังเท่าเดิมจึงไม่อยากให้น้องๆ กังวลใจกับปริมาณที่คนสมัครมากขึ้นแต่อยากให้เรามาโฟกัสพวกข้อสอบหรืออะไรต่างๆ เพราะฉะนั้นในการเตรียมตัวเราจะต้องเตรียมให้ถูกจุด เพื่อไปสู่ฝั่งฝัน"
การเตรียมตัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด "อาจารย์พี่ดร.เอ" ได้เผยว่า ยิ่งหากเราเตรียมตัวเร็ว ก็จะยิ่งได้เปรียบ เพราะจำนวนรับต่อคณะแพทย์ทันตะฯ เภสัชฯ และสัตวแพทย์นั้น ในแต่ละปีตอนนี้รับเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ส่วนใหญ่จะมีการรับผ่านระบบรอบที่หนึ่ง เพราะฉะนั้นเด็กถ้าไม่มีการเตรียมตัวตั้งแต่ต้นก็จะไม่มีพอร์ตในการเตรียมยื่นส่วนรอบที่สามหรือรอบที่สอบแข่งขันนั้น จำนวนรับลดลงเพราะแบ่งมารับรอบแรกมากขึ้น ดังนั้นการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดคือการมี "พอร์ตโฟลิโอ" โดยทางโครงการของเรา จะมีการเตรียมความพร้อมให้น้องๆ ทุกรอบตั้งแต่รอบพอร์ต รอบ กสพท. ตลอดจนถึงวิเคราะห์คะแนนที่น้องๆ จะต้องผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำให้ได้
อาจารย์พี่ดร.เอ กล่าวอีกว่า "เรามีการเตรียมให้กับเด็กหลายคนที่มาเรียนกับผมตั้งแต่ประถมก็มี โดยผมจะให้เรียนในส่วนของคณิตและอังกฤษเป็นตัวหลักก่อน เพราะวิชาคณิตและอังกฤษ เป็นวิชาที่คะแนนเยอะมาก ในการสอบ กสพท. รวมถึงการสอบในกลุ่มของ BMATH และ IELTS เพราะฉะนั้นเราจัดเตรียมให้ตั้งแต่ประถมเลย ระดับมัธยมเราจะเริ่มคณิต-วิทย์ เน้นชีวะมากขึ้น และอังกฤษนี่คือมัธยมต้น มัธยมปลายเราจะมีการเตรียมทุกวิชาวิชาเฉพาะแพทย์ กสพท. A-Level ครบหมด เพราะฉะนั้นที่สถาบันของเราดูแลครบหมด รวมถึงกลุ่มแพทย์ทหารน้องๆ ก็จะมีออกกำลังกาย มีว่ายน้ำ เพราะฉะนั้นถ้าน้องได้รับทุนกองทัพบก ในกลุ่มของแพทย์ทหารนั้น น้องก็จะต้องสอบว่ายน้ำด้วย
"คราวนี้เด็กถามว่า มาเรียนตอนมัธยมปลายเนี่ยทันไหม คำตอบง่ายๆครับ จากสถิติและงานวิจัยของ ผมผมทำงานวิจัยและตีพิมพ์ ด้วยสามารถตอบได้ว่าเด็กที่มาเรียน ตั้งแต่มอสี่ขึ้นไปมา ด้วยเกรด 2.3 ทีมงานของเราสามารถช่วยให้น้องติดแพทย์พระมงกุฏ เพราะฉะนั้นการเรียนการเตรียมพร้อมจะขึ้นอยู่กับเด็กๆ ที่สำคัญเด็กๆ ของเราบางคนก็ได้ที่หนึ่งของ ประเทศซึ่งสถาบันเราสร้างที่หนึ่งของประเทศมาแล้วถึงหกคน เพราะฉะนั้นน้องที่มีความตั้งใจจริงสามารถเชื่อมั่นได้"
โดยทางเรามีโครงการ "Super Doctor" เพื่อเปิดให้เด็กๆ ที่มีความสนใจในการเรียนการเตรียมแพทย์ ซึ่งเป็นโครงการการันตีผลสอบสูงสุด 100% หากเรียนคณะแพทยศาสตร์ ทันตะ เภสัช สัตวแพทย์ แล้วไม่ได้แพทยศาสตร์ก็อาจมีโอกาสได้คณะเภสัช เด็กๆ จึงไม่ต้องกังวล ทางเรามีการวิเคราะห์มาเป็นอย่างดี หรือกรณีบางคนเรียนแพทย์ เรียนการเตรียมแพทย์ไปถึงม.5 แล้ว ก็เปลี่ยนใจอยากเป็นวิศวะ ทางเราก็มีโครงการ "Super Engineer" ที่เปิดมาคู่ขนานกับโครงการ "Super Doctor" ซึ่งตรงนั้นเราก็สอบติด 100% ด้วยประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญของทีมมากกว่า 20 ปี!
อาจารย์พี่ดร.เอ กล่าวว่า "ชื่อสถาบันของเราก็คือเสริมศักยภาพทางวิชาการ MATH-SCIENCE เรามีการเรียนการสอนแบบ E-Learning ด้วย แปลว่าเด็กๆ สามารถเรียนสดที่สถาบัน หรือหากน้องๆ ไม่สะดวกสามารถเรียนออนไลน์ โดยระบบมีการทบทวน รวมถึงมีกิจกรรมที่ทางเราจัดเตรียมไว้ เช่น กิจกรรมกู้ชีพ ซีพีอาร์จากสำนักงานแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โดยเราพยายามส่งเสริมให้เด็กเข้าใจในบทบาทของการเป็นแพทย์ ซึ่งเราก็เลยไม่ได้มีแค่แพทย์ทหาร เรามีทั้งทันตะ เภสัช และจุดแข็งของเรา ก็คือเป็นสถาบันกวดวิชาที่เดียวที่มีค่ายให้เด็กเข้ารับการฝึกด้วย
อีกทั้งยังมี "โรงเรียนเตรียมความพร้อมเข้าสู่เตรียมทหาร CADET-TUTOR" เปิดมาแล้วกว่า 20 ปี เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจสอบเข้านักเรียนนายร้อยหรือนักเรียนเตรียมทหารเป็นแห่งแรกๆ ของประเทศไทย ซึ่งได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเด็กบางคนเรียนที่สอบเตรียมทหาร แต่พอโตขึ้นมาจะสอบนักเรียนนายร้อย และก็อยากเป็นแพทย์ด้วย "
นอกจากนี้ "อาจารย์พี่ดร.เอ" ยังการันตีได้ว่า ทางสถาบันกวดวิชาพร้อมดูแลทุกความสำเร็จโดยบุคลากรทรงคุณวุฒิ โดยทุกโครงการ ทุกวิชาของทางเรา จะมีการแยกบุคลากรแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มของทหารก็จะมีทีมงานจากโรงเรียนนายร้อยกลุ่ม หรือการเตรียมสอบแพทย์สอบทันตะ ก็จะมีทีมงาน มหาวิทยาลัยจากโรงเรียนชื่อดังคอยให้คำปรึกษา ซึ่งการดูแลในแต่ละวิชา อาจารย์แต่ละคนก็จะเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งมีประสบการณ์มาอย่างนาน
สนใจติดต่อปรึกษาหรือสอบถามรายละเอียดได้ทาง
Facebook : กวดวิชา Math-Science
Facebook : กวดวิชาเตรียมทหาร cadet-tutor
Website : https://online-mathscience.com