“ปัญหา” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เชื่อว่าไม่มีใครที่เกิดมา แล้วไม่เคยพบเจอกับปัญหา ทั้งปัญหาเล็กๆ ที่จุกจิกกวนใจ จนกระทั่งปัญหาใหญ่ๆ ที่ส่งผลกระทบกับตัวเราเองคนรอบข้าง โดยเฉพาะปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาจนทำให้คุณรู้สึกมืดแปดด้าน และไม่รู้จะหาทางออกในการแก้ปัญหาได้อย่างไร? ด้วยปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้มนุษย์เรานั้นต้องประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือต่างๆ ต้องใช้เงิน ใช้เวลาในการคิดค้นหาทางป้องกันและกำจัดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งที่บ้านและที่ทำงาน แต่บางครั้งก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง แต่มีอีกวิธีหนึ่ง ที่ไม่ต้องสร้างเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ มาใช้เลย วิธีการที่ว่าก็คือ “การฝึกสติ และ การทำสมาธิ” การฝึกสติ และ การทำสมาธิ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้จิตของมนุษย์มีความสว่าง มีความสุข ความสงบอยู่ในตัวเพิ่มมากขึ้น จากการถูกโลกหล่อหลอม หรือถูกกระแสโลกดึงใจมากขึ้นๆ อันเป็นสาเหตุให้จิตจึงเคลื่อนไหว ไม่สงบ และเมื่อมีสิ่งใดมากระทบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือที่เป็นปัญหา จิตของเราจะฟุ้งซ่าน สับสน จนก่อให้เกิดความเครียดได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นปัญหาที่คุณรับมือได้ก็ตาม เมื่อความคิดและจิตใจไม่สงบ หรือไม่ทันได้ตั้งสติแล้ว ปัญหานั้นก็จะกลายเป็นสิ่งที่ยากเกินแก้ไขได้ อีกทั้งการฝึกสติและการทำสมาธิยังเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตทั้งในเวลาปกติ และเวลาที่มีปัญหาเกิดขึ้น เราอาจจะคิดว่าเรื่องของการฝึกสติและสมาธินั้น เป็นเรื่องของพระสงฆ์ เรื่องของฤๅษีชีไพร แต่แท้ที่จริงแล้ว สมาธิและการฝึกสตินั้นเป็นทรัพย์สมบัติของมนุษย์ทุกคน เพราะเป็นวิธีที่จะช่วยให้จิตใจมีความมั่นคง ตั้งมั่น และทำให้มีจิตใจสงบ มีความสุขได้ด้วยตัวเราเอง ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ ในทุกอิริยาบถ ทั้งยืน เดิน นั่ง นอน โดยไม่จำกัดชาติ ศาสนา เพศ และวัย ใครๆ ก็ฝึกสมาธิได้ ถึงแม้จะมีปัญหาเกิดขึ้น จะหาหนทางแก้ปัญหา ก็ต้องเริ่มต้นจากจิตที่หยุดกับนิ่งก่อน เราควรหยุดหันมองสิ่งที่เป็นปมปัญหา เพื่อจิตจะได้กลับไปสู่แหล่งแห่งสติปัญญา เพราะเมื่อเวลาใจหยุดนิ่ง ใจจะเป็นสมาธิ สมาธิเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา เราก็จะเห็นว่า ปัญหามีวิธีการคลี่คลายของมันไป เราจะแก้ปัญหาในจุดที่แก้ได้ก่อนโดยเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ คือ จิตใจของเรา ทำใจให้ปลอดโปร่ง ให้สบาย ให้ตั้งมั่น แล้วเดี๋ยวปัญหาก็จะค่อยๆ คลี่คลาย เมื่อจิตใจสงบตั้งมั่นจากการทำสมาธิ จะเกิดคลื่นอัลฟาที่เป็นคลื่นความถี่ต่ำในสมอง ที่จะทำให้จิตใจมีสมาธิจดจ่อ และไม่มีความเครียด จึงสามารถคิดพิจารณา ใคร่ครวญถึงปัญหาต่างๆ อย่างถี่ถ้วน หากเปรียบเทียบใจที่ฟุ้งซ่าน ก็เหมือนกับเมื่อน้ำที่ขุ่นๆ แม้มีกุ้งหอย ปู ปลา เต็มทะเล เราก็มองไม่เห็น แต่เมื่อใดที่จิตสงบก็เปรียบเหมือนกับน้ำที่ใสๆ ไม่ว่าจะมีกุ้งหอย ปู ปลา ตัวเล็ก ตัวใหญ่ เม็ดกรวด เม็ดทราย เพชรนิลจินดา ก็สามารถมองเห็นได้ และวิถีทางในการแก้ปัญหาก็จะปรากฏขึ้น จิตที่สงบจะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน และถึงแม้บางปัญหาจะยังมีอยู่ แต่หากได้ฝึกสติและทำสมาธิ เราอาจจะมองว่าสิ่งที่เป็นปัญหานั้นดูเล็กลงไป หรือสิ่งนั้นอาจไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปก็ได้ และท้ายที่สุดแล้ว เรื่องใหญ่ที่เป็นวิกฤตชีวิตที่แท้จริงของคนเรานั้น ไม่ใช่เรื่องเจ็บป่วย เรื่องสอบตก ธุรกิจล้มเหลว ครอบครัวแตกแยก ประสบภัยพิบัติ หรือการพลัดพราก หากแต่วิกฤตที่แท้ของชีวิต คือ การที่เรายังไม่มีที่พึ่งที่แท้จริงให้กับตัวเราเอง แต่ถ้าเมื่อใดที่เราสามารถพึ่งพาตนเอง มีจิตที่สงบสุขด้วยตนเองได้ ด้วยการฝึกสติและทำสมาธิ แม้เรื่องต่างๆ ที่เราเคยคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่มารวมกันทุกเรื่อง หรือแม้มรณภัยที่จะมารออยู่ข้างหน้า ก็ย่อมไม่ทำให้เรารู้สึกหวั่นไหวได้ เรียกได้ว่า “การฝึกสติ และ การทำสมาธิ” เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการค้นพบความสุขจากความสงบด้วยตัวเราเองใน สำหรับใครที่สนใจ ขอแนะนำ "คอร์สสมาธิออนไลน์กลั่นใจให้เป็นสุข" เรียนฟรีตลอดหลักสูตร ไม่เสียค่าใช้จ่าย ให้ 7 วันนี้ เป็น 7 วันอัศจรรย์ แห่งความสุข และความเบิกบานในชีวิตของคุณ วันละ 1.30 ชั่วโมง จัดวันอาทิตย์ ถึง วันเสาร์ เวลา 20.00 -21.30 น. เป็นประจำทุกเดือน เดือนละ 1 รุ่น สนใจติดต่อสมัครสอบถามรายละเอียดได้ทางWebsite : https://glunjai.com/Facebook : คอร์สสมาธิออนไลน์-กลั่นใจให้เป็นสุขYouTube : กลั่นใจให้เป็นสุข