นพ.รัสมิ์ภูมิ ชี้! ไตรมาส 3-4 นี้ “งานผิวมาแรง” พร้อมเปิดเทรนด์ความงามส่งท้ายปี 2023

       เทรนด์ความงามและการดูแลผิวพรรณเป็นที่จับตาของผู้หญิงในทุกๆ ปี โดยตลาดความงามของไทยก็ได้รับการตอบรับที่ดีเสมอมาและพัฒนาเทคโนโลยีความงามอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความงามของผู้คนอันมุ่งเน้นไปสู่ความปลอดภัยของผิวพรรณ สุขภาพกาย สุขภาพใจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้เทรนด์ความงามของแต่ละยุคสมัยก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสมัยนิยม และการพัฒนาของวงการแพทย์ความงามนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันก็เข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ของปีแล้ว ทางเราจึงขอมาอัปเดตเทรนด์ความงามของช่วงครึ่งปีหลังให้ทุกคนได้ทราบกัน       

       อาจารย์ นพ.รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ Board of Dermatology แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง ได้อัปเดตเทรนด์ความงามในไตรมาสที่ 3 ถึง 4 ของปีนี้ กล่าวคือ ต้องยกให้เป็นเรื่อง “งานผิว” ที่ไม่ใช่แค่ผิวสวยเท่านั้น แต่จะต้องเป็นผิวสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

      และยังอธิบายอีกว่า ในปัจจุบันวงการความงามทั่วโลกจะมุ่งเน้นไปที่การบำรุงจากภายในสู่ภายนอก โดยจะเห็นได้ว่ามีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับงานผิวออกมามากมาย ทั้งการทา การฉีด รวมถึงหัตถการต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความงามของผิวอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ

  1. การผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูบนชั้นผิว
    นิยมใช้ทั้งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาเพื่อช่วยให้ผิวดีโดยเฉพาะ และผลิตภัณฑ์ประเภท Hyaluronic Acid หรือ HA ซึ่งกลุ่มนี้จะทำให้ผิวใส กระจ่าง กระชับรูขุมขน
    - Hyaluronic acid  หรือ HA ที่เกี่ยวกับงานผิวก็จะมี Belotelo Revive, Juvederm Volite, Restylane Vital Light สาร Hyaluronic acid เหล่านี้จะอยู่ในกลุ่มใช้สำหรับผิวหนังชั้นบน สร้างผิวสวยโดยตรง
    - ส่วนอีกกลุ่ม คือ ผลิตภัณฑ์อสุจิปลาแซลมอน อย่าง Rejuran นอกจากนี้ยังมี Growth Factor หรือ Exosome ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันทั้งในและต่างประเทศ
  2. Belotelo Soft จัดเป็นอีกหนึ่งรุ่น ของ HA ที่ออกแบบมาสำหรับงานผิว มีเนื้อละเอียด โมเลกุลเล็กอ่อนนุ่ม เรียบเนียน กลืนไปกับผิว จึงทำให้คนนิยมนำมาใช้เพื่อการเติมเต็ม และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยผลลัพธ์ที่ได้นั้นคือการทำให้ผิวใส ฉ่ำวาว แลดูมีน้ำมีนวล สามารถนำมาใช้ฉีดบริเวณหน้าแก้มเพื่อเพิ่มความกระจ่างใส ฉีดบริเวณใต้ดวงตาเพื่อลดรอยคล้ำ รวมไปถึงยังสามารถใช้ในการเก็บริ้วรอยที่มีขนาดเล็กบนผิวชั้นนอก รักษาหลุมสิวที่ไม่ลึกมากได้ด้วย
  3. ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูใต้ชั้นผิวอย่างยั่งยืน
    ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านอย.ในประเทศไทย มีทั้งหมด 3 ตัว แบ่งเป็นสาร PDO PCL PLLA และ PDLLA กลุ่มนี้จะเป็น Deep collection stimulation
    - PDO คือสารยี่ห้อ “Ultracol”
    - PCL ที่ผ่านอย.ในไทย ตอนนี้มียี่ห้อเดียวคือ Gouri โดยวิธีการทำ PCL ให้ออกมาเป็นของเหลว เพื่อพร้อมสำหรับการใช้งานในการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
    - PLLA ที่ผ่านอย. ในประเทศไทย ตอนนี้มีชื่อยี่ห้อว่า “Sculptra” โดยตัวนี้มีการใช้มาอย่างยาวนานแล้วในต่างประเทศ นับได้หลายสิบปี

       ซึ่งจริงๆ แล้ว สำหรับเทรนด์การดูแลใต้ผิวอย่างยั่งยืนยังไม่หมดเท่านี้ ยังมีอีกหนึ่งตัวที่คาดว่ากำลังจะเข้าในประเทศไทยเร็วๆ นี้ จากบริษัทชั้นนำของไทยอย่าง Allergan aesthetics, Merz aesthetics thailand และ Galderma ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ GOURI ซึ่งเป็นสาร PCL หรือ Polycaprolactone หรือ Sculptra ที่เป็นสาร PLLA หรือ Poly-L-Lactic acid โดยทั้งสองตัวจะเป็นสารที่สร้างคอลลาเจนได้มาก ช่วยให้คุณภาพผิวที่ดีในระยะยาว และยั่งยืนมากๆ จะช่วยได้ทั้งริ้วรอยที่ผิว เพื่อยกกระชับใบหน้า ปรับผิวให้ใสขึ้น รูขุมขนกระชับมากขึ้น และดูเล็กลงอีกด้วย 

          ทั้งนี้อาจารย์ นพ.รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า “สุขภาพผิวที่ดี เป็นสิ่งเริ่มต้นของความงามบนใบหน้า” เปรียบเทียบได้กับว่า เรามีพื้นฐานกระดาษที่ดี ทำให้เราวาดภาพออกมาอย่างไรก็จะสวย ดูสะอาดตา เช่นเดียวกันกับผิวหน้าที่มีผิวที่สวย จะทำให้แต่งหน้าติดได้ง่ายมากขึ้น ผิวใส เปล่งประกาย ก็สามารถเกิดขึ้นได้เองจากผิวหน้าโดยที่ไม่จำเป็นต้องทำการแต่งเติมหรือเสริมให้เพิ่มขึ้น เรียกง่ายๆ ว่า ผิวดีก็มีชัยไปมากกว่าครึ่งแล้วนั่นเอง

สำหรับท่านใดที่สนใจเรื่องเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ด้านความงาม สามารถติดตามเพิ่มเติม ได้ที่ Facebook : Rassapoom Clinic
 
หรือท่านใดสนใจรับบริการด้านความงาม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
Facebook : Rassapoom Clinic รัสมิ์ภูมิคลินิก
Line : @Rassapoomclinic
Website : https://rassapoomclinic.com/md-codes-live-tour/
ใบอนุญาตเลขที่ : 10101079562

Facebook : https://www.facebook.com/DrRassapoomFanpage
LINE
: https://bit.ly/3RKyNAO