ก้าวแรกพระบรมศาสดา ผ่าตัดเปลี่ยนเข่าฟรี 36 คน ที่เนปาล ถวายเป็นพระราชกุศล วันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวง ร.10
โครงการก้าวแรกพระบรมศาสดา การคืนคุณค่าชีวิตของชาวเนปาลให้กลับมาเดินได้ ณ สถานที่พระองค์ประสูติคือ ลุมพินี ประเทศเนปาล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จำนวน 36 คน 36 ข้อ ภารกิจผ่าตัดเปลี่ยนข้อใหม่ให้ผู้ป่วยด้อยโอกาส และถ่ายทอดองค์ความรู้จากทีมแพทย์ รพ.ศิริราช ถึง ทีมแพทย์ รพ.สิทธัตถะ และคณะแพทย์ออร์โธปิดิคส์ทั่วประเทศ กรุงลุมพินี ประเทศเนปาล ระหว่างวันที่ 1-6 ตุลาคมนี้
วันที่ 1 สิงหาคม 2566 ศ.นพ. กีรติ เจริญชลวานิช หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า
โครงการก้าวแรกของพระบรมศาสดา เพื่อผู้ป่วยยากไร้กระดูกและข้อ ณ ประเทศเนปาล โดยภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และภาพกายบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับมูลนิธิเก้ายั่งยืน เพื่อคัดกรอง คัดเลือก ผู้ป่วย เพื่อผ่าตัดเปลี่ยนเข่าฟรี ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันประสูติ ในหลวงรัชกาลที่ 10 และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9 จำนวน 36 ข้อ 36 คน จากการคัดกรองผู้ป่วย จำนวน 700 คน ที่ Lumbini world Peace And Harmony เมื่อวันที่ 27-30 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยโครงการดังกล่าวมีกำหนดการเพื่อการผ่าตัดในวันที่ 1-6 ตุลาคมนี้ ที่โรงพยาบาลสิทธัตถะ
ซึ่งได้รับเกียรติจากคณะผู้ประสานงานชาวเนปาล คือ Arjun Paudel Managing Director (Siddharthanagar City Hospital Pvt.Ltd. พร้อมด้วยคณะ คุณสุจินตนา จรรยาทิพย์สกุล ประธานมูลนิธิเก้ายั่งยืน
ศ.นพ. กีรติ กล่าวว่าโครงการดังกล่าวจุดประกายขึ้นด้วยแนวคิดว่าการช่วยเหลือเพื่อนมนุษยชาติไม่ควรจํากัดเชื้อชาติ ศาสนา เพศ วัย สถานะ หนึ่งในสิ่งที่พวกเราได้รวมตัวกันช่วยอีกครั้งหนึ่งก็คือ เรามีโอกาสที่จะได้ไปดูแลชาวเนปาลที่ลุมพินี ซึ่งลุมพินีเป็นสถานที่แรก คือ ก้าวแรกของพระบรมพระพุทธศาสดา หลังจากประสูติ
“พวกเราหมายถึงแพทยศาสตร์ ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ และภาพกายบําบัด คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ศิษย์เก่า ศิษย์ที่เป็นผลผลิตของภาควิชาออร์โธปิดิกส์ ศิริราช และพี่น้องร่วมวิชาชีพทุกๆ ท่านที่มีจิตศรัทธา มีความรู้ ความสามารถจะไปรวมตัวผนึกกําลังกัน เพื่อไปช่วยเหลือชาวต่างชาติ ครั้งนี้ครั้งแรก เพื่อเดินตามรอยเท้าของพระพุทธองค์” นายแพทย์กีรติ กล่าวและย้ำว่า
“โครงการนี้สำเร็จได้ด้วยความเมตตาของครูบาอาจารย์ นำโดย พระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก) พระราชวชิรธรรมาจารย์งานหลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธัมมสากิโย) ได้ทอดผ้าป่าสามัคคี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อหาทุนทรัพย์สนับสนุนโครงการดังกล่าว”
ที่สำคัญ เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับชาวเนปาลในด้านการรักษาพยาบาลของทีมคณะแพทย์ไทยที่จะเดินทางในโครงการก้าวแรกของพระบรมศาสดา เพื่อผู้ป่วยยากไร้กระดูกและข้อที่ประเทศเนปาล
คุณสุจินตนา จรรยาทิพย์สกุล ประธานมูลนิธิเก้ายั่งยืน กล่าวว่าเราจะทำให้คนเนปาลได้มีการก้าวใหม่ เดินใหม่ของชีวิตเราจะไปมอบสิ่งนี้ ที่เป็นสิ่งที่คนทั่วโลกไม่ว่าเราชาติใด ภาษาใดเป็นสิ่งที่ทําให้ความเบิกบานใจ การที่เราเห็นคนหนึ่งมีความทุกข์ แล้วช่วยคนหนึ่งให้หายทุกข์ มันเป็นความรู้สึกที่หาค่าไม่ได้ ความเป็นมนุษย์ของเรานั้น อยากให้ทุกคนมีความสุข คือ การช่วยกันต่อความรู้สึกที่ดีๆ ให้กัน มันก็จะทําให้โลกมีความสุข ไม่เกิดความรู้สึกว่าเราคิดอยู่คนเดียว หรือทุกข์ของเราไม่มีใครเห็น เราอาจจะเห็นได้ไม่หมด แต่เป็นเหมือนกรวดทราย จะมีทรายบางเม็ดที่เราเก็บขึ้นมา และมีบางเม็ดที่ยังอยู่บนกองทรายนั้น
นอกจาก การผ่าตัดรักษาคนไข้แล้ว ทางทีมคุณหมอกีรติ ยังจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์และมีเรื่องเทคโนโลยีชั้นสูงที่อาจารย์จะไปมอบชาวเนปาล ความรู้ในการผ่าตัดให้คนไข้ ความรู้ในการรักษาคนไข้ ที่เป็นแบบสมัยใหม่ที่อาจารย์ได้ศึกษาค้นคว้า และผ่านประสบการณ์มามากมายก็จะมอบประสบการณ์ดีๆ เหล่านี้ในด้านออร์โธปิดิกส์ให้เนปาล ซึ่งจะได้เรียนรู้เหมือนกับได้ครูไปสอนให้เขาเป็นครู เป็นหมอที่ดีที่จะช่วยคนในประเทศเขาสามารถช่วยตัวเองได้ในอนาคต ก็เป็นแบบอย่างของการให้ความรู้ที่ยั่งยืน และสามารถจะช่วยคนเนปาลได้ตลอดไป เพราะการที่ชาวเนปาล ถ้าเจ็บป่วยด้านเข่า ข้อกระดูก ต้องไปรักษาที่ประเทศอื่น คือ ต้องใช้งบประมาณสูง คนจนเหล่านั้นไม่สามารถเดินทางไปได้ เมื่อมีโอกาสเราก็จะช่วยให้เขาพ้นทุกข์
“หลายคนถามว่าทำไมต้องมาช่วยเนปาลก็เหมือนที่คุณหมอกีรติ บอกว่าการช่วยเหลือเพื่อนมนุษยชาติไม่ควรจํากัดเชื้อชาติ ศาสนา เพศ วัย สถานะ ในประเทศไทยคุณหมอทําทุกที่ๆคุณหมอไปได้และยังทําไม่หยุด แต่วันนี้ เป็นโปรแกรมเสริมที่เราไปทําให้ดินแดนพระพุทธองค์ คือ ดินแดนที่พระพุทธศาสดาได้ถือกําเนิดมา ทําให้พวกเรานั้น มีความเมตตา กรุณา ทําให้ชีวิตของพวกเราดีขึ้น เชื่อได้ว่าผู้มีความเมตตากรุณาอย่างน้อยชีวิตและมีความสุขในการที่ได้ช่วยคนอื่น” สุจินตนา กล่าว
ด้านหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก กล่าวว่าอาจจะมีคนพูดว่า ทำไมเอาเงินศิริราช ไปให้ในต่างประเทศ แต่ความจริงไม่ใช่ ที่พวกเราไปทําให้ประเทศเนปาลครั้งนี้เราจัดหาทุนเป็นผ้าป่าขึ้นมาเพื่อหาทุนก้อนนี้
“เนปาลเป็นต้นตระกูล เป็นบ้านทวดของพวกเรา บ้านพระพุทธเจ้า ประเทศเนปาลเป็นจุดที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก คําสอนที่ท่านเอามาให้กับพวกเราทั่วประเทศ เมืองไทยของเราได้รับความร่มเย็นเป็นสุข ยาวนานถึงขนาดนี้ตั้งแต่บรรพบุรุษ ไม่รู้กี่รุ่นมา เปรียบเทียบกับเงินก้อนนี้กับพระธรรมคําสอนที่ท่านเอามาให้กับพวกเรา หากว่ามันมีอยู่พอที่จะช่วยเหลือชุมชนและสังคมได้ จะเกิดประโยชน์ เราก็ออกไปเพื่อเป็นการทดแทนพระคุณแผ่นดิน ให้กับพี่น้องประชาชนในจุดนั้น เป็นประโยชน์ต่อลูกต่อหลานต่อไปภายภาคหน้าคนไทยเขามาทําไว้ก็ดี” หลวงพ่ออินทร์ถวาย กล่าว
หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม กล่าวว่าเป็นการแสดงออกถึงน้ําจิตน้ําใจของพวกชาวพุทธไทยว่าเราจะไม่ลืมพระคุณของประเทศเนปาลเพราะเป็นสถานที่ชาติภูมิของพระพุทธเจ้าก่อเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าได้ประสูติ ณ สถานที่แห่งนั้น พุทธศาสนาที่แผ่ขยายมาเราต้องยกส่วนหนึ่งให้ประเทศเนปาล มีพระคุณอย่างยิ่งใหญ่ ฉะนั้น การสร้างบุญอันนี้ โดยได้คุณหมอกีรติ เจริญชลวานิช คุณสุจินตนา จรรยาทิพย์สกุล ประธานมูลนิธิเก้ายั่งยืน เป็นผู้จุดประกายที่จะไปผ่าหัวเข่า เปลี่ยนหัวเข่าให้ชาวเนปาล ซึ่งมีฐานะค่อนข้างยากไร้ และยังมีการอบรมให้ความรู้กับหมอชาวเนปาลให้เขาสามารถยืนอยู่ด้วยตัวเอง
ฉะนั้น การที่พวกเราได้มาร่วมกันในการทําบุญผ้าป่าในคราวครั้งนี้ นับว่าเป็นบุญ อย่างมหาศาล เป็นการบูชาคุณของพระพุทธเจ้าที่แนบสนิทอย่างแน่นอน และเป็นการแทนคุณแผ่นดินประเทศเนปาลด้วย
พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร
กล่าวว่าเป็นโครงการที่ดีทางคณะแพทย์ศิริราช ได้จัดโครงการอันนี้ ถือว่าเป็นก้าวแรกจริงๆ เราคงมองเห็นความสําคัญของการเคลื่อนไหวของร่างกายทุกคนเกิดมาก็อยากจะเคลื่อนไหว แต่เมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บโดยเฉพาะในเรื่องของขาเข่าย่อมเป็นปัญหาโดยประเทศเนปาล เป็นประเทศที่ยังไม่พัฒนา เจริญทางการแพทย์ ฉะนั้น การที่พวกเราในฐานะที่เป็นชาวพุทธได้ไปช่วยเหลือ โดยเฉพาะในย่านที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ คือ ลุมพินี แถวนั้นคนโดยทั่วไปจะเป็นคนที่ยากจน เป็นมุสลิม เป็นฮินดู การที่เราได้ไปช่วยเขาก็เท่ากับว่าได้พุทธบารมี จากประเทศไทยได้ไปเผยแพร่ไปถึงพวกคนพื้นเมืองที่ยังไม่มีโอกาสเป็นก้าวแรกที่อาจเรียกว่า เป็นเจตนาที่ดีประโยชน์ของตามที่พระพุทธเจ้าบอกก็คือ ก้าวแรก เดินไปเพื่อประโยชน์สุข และความสุขและประโยชน์ของคนทั่วไป เป็นเรื่องการช่วยเหลือมนุษยชาติ เหมือนกับพุทธเจ้าท่านบอกว่าถ้าเราเห็นใครแล้วแต่ป่วย เราควรที่จะไปช่วย ถ้าอุปถัมภ์คนป่วยเท่ากับว่าอุปถัมภ์พุทธเจ้า
“โครงการนี้ ถือว่าเป็นก้าวแรก ก้าวที่ดี เพราะเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์ เป็นเรื่องของการที่จะให้ความช่วยเหลือ ให้ความรู้เป็นธรรมทาน เราพยายามให้สุขภาพ เรากําลังจะให้สิ่งที่เขาไม่มี สิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่เขาปรารถนา ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ นั่นก็คือ สิ่งที่เรียกว่า การให้ทาน โดยเฉพาะการให้ทานอันนี้ ไม่ใช่เป็น ทาน ให้วัตถุหรืออะไร เป็นทานให้ชีวิต เท่ากับว่าให้ชีวิตเขา ให้ความสุข ความสะดวกเขา เป็นโครงการที่น่ายกย่อง” พระอาจารย์อนิลมาน กล่าว