นับเป็นโครงการประวัติศาสตร์ จากน้ำใจไทยสู่ประเทศเพื่อนบ้านเนปาล ในโครงการ “ก้าวแรกของพระบรมศาสดา” ศิริราช “มอบความรักให้แก่มนุษยชาติ Love for Humanity by Siriraj” พันธกิจผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมให้ผู้ด้อยโอกาสชาวเนปาลให้พึ่งพาตัวเองได้ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อต่อยอดทางการรักษาอย่างยั่งยืน จากทีมแพทย์โรงพยาบาลศิริราชสู่ทีมแพทย์โรงพยาบาลสิทธัตถะ เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล ระหว่างวันที่ 1-6 ตุลาคม 2566 วันที่ 2 ตุลาคม 2566 เวลา 15.30 น. ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ประธานโครงการฯ ให้สัมภาษณ์จากประเทศเนปาล ว่าวันนี้ทำการผ่าตัดเป็นวันแรกทีมแพทย์ทำงานได้คล่องตัวขึ้นได้รับความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมจากทีมงานของเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลสิทธัตถะร่วมกับทีมแพทย์โรงพยาบาลศิริราชผนึกกำลังร่วมกันอย่างดีประชาชนเมื่อเช้าคนไข้ผ่าตัด 2 ชั่วโมงก็ลุกขึ้นมายืนเดินเลย วันนี้ เราผ่าตัดไปได้ 12 ราย จากยอดโครงการ 32 ราย วันพรุ่งนี้ เหลืออีก 18 ราย เดิมกำหนดมี 33 ราย แต่มีผู้ป่วยหนึ่งรายวันนี้มีภาวะน้ำท่วมปอดหัวใจทำงานไม่ดี เสี่ยงต่อการผ่าตัดต้องไปรักษาเรื่องนี้ก่อนก็เลยเหลือ 32 ราย “ผู้ป่วยที่รอคอยผ่าตัด คณะแพทย์โรงพยาบาลสิทธัตถะ ถึงกับทึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้นมาก เขาประทับใจคือ miracle (มิราเคิล) คือ พระพุทธองค์นำพาความความเมตตาไปสู่พวกประชาชนของเขา เพราะการผ่าตัดที่นี่แบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย แล้วเขาก็ไม่เชื่อว่าจะสามารถเดินได้ภาย 2-3 ชั่วโมง หลังผ่าตัดได้” ประธานโครงการฯ ถามว่า มีอุปสรรคหรือมีอะไรหนักใจมั้ย ศ.นพ.กีรติ กล่าวว่า เมื่อคืนนี้เครื่องทำความสะอาดปราศจากเชื้อทำงานแล้วให้ผลบอกว่าครึ่งหนึ่ง คือ 50% ไม่ผ่านเกณฑ์ฯ เราต้องค้นหาสาเหตุว่าพวกเทคนิคอะไรที่มันขาดตกบกพร่องแล้วเราก็แก้ไข จนวินาทีสุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ เนื่องจากเราวางแผนประชุมเตรียมการทำงานหนักกันมาตลอด 8 เดือน และได้รับความเอื้อเฟื้อจาก คุณสุจินตนา จรรยาทิพย์สกุล ประธานมูลนิธิเก้ายั่งยืน ที่ได้แนะนำให้เราได้เกิดโอกาสนี้ และก็ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพทำให้หลายๆ การบริหารจัดการง่ายและประสบความสำเร็จอย่างดี ปัญหาอุปสรรคก็น้อยลง สำหรับเรื่องการถ่ายทอดความรู้ทางการแพทย์ นั้น ศ.นพ.กีรติ กล่าวว่า ในบริบทการผ่าตัดเปลี่ยนข้อที่นี่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนพวกเขาจึงเห็นอย่างเดียวแล้วรู้สึกทึ่งประทับใจ ในบริบทของการถ่ายทอดก็จะเป็นเรื่องหลักเกณฑ์ความเป็นมาอย่างไรบ้าง แต่ว่าเทคนิคพิเศษหรืออะไร ต้องต่อไปอีกหลายๆ ครั้ง ซึ่งวันนี้บ่าย 4 โมงจะมีการประชุมวิชาการทางการถ่ายทอดความรู้ขององค์ความรู้ทางกระดูกและข้อเดียวให้กับหมอพื้นที่ 35 ท่านรวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ และทางออนไลน์อีกประมาณ 80 ท่าน รวม 100 กว่าคน จะเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านวิชาการกับทีมแพทย์พยาบาลของเนปาล อย่างไรก็ตาม ประชาชนไทยได้เห็นถึงศรัทธาในโครงการนี้ก็ร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน เราน้อมนำความเมตตานี้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนชาวเนปาล ซึ่งเป็นความรักความศรัทธาแบบไร้พรมแดนไม่ว่าระยะทางไกลแสนไกล 3,340 กว่ากิโลเมตร ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอุปสรรค ไม่ว่าเพศใด วัยใด ชนชั้นวรรณะใด เชื้อชาติใด เราก็มอบความรักให้ต่อกันและกันได้ก็เป็นหนึ่งในโอกาสของคนไทยที่ได้ทำหน้าที่นี้มอบให้กับชาวชาวบ้านในครั้งนี้ “วันนี้ ก้าวแรกของโครงการประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ที่เราตั้งเป้าไว้คือ ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดโดยปลอดภัยแล้วมีประสิทธิภาพในการที่จะฟื้นตัวได้ภายในวันเดียว ความผิดพลาดในระหว่างผ่าตัดก็ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นก็เป็นไปตามความคาดหมาย ที่สำคัญคือ เราได้มิตรภาพ เราได้ทำงานร่วมกันกับทีมแพทย์พยาบาลในครั้งนี้ ต่างคนต่างช่วยเหลือกันและกันเราเห็นถึงกัลยาณมิตรที่มอบให้ต่อกัน” ศ.นพ.กีรติ พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์ (หลวงพ่ออนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เจ้าคณะภาค 6, 7 ธรรมยุต กล่าวว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้ เรียกว่า อัศจรรย์จริงๆ ทุกคนก็ได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า เทคโนโลยีการแพทย์ที่ประเทศไทยกำลังมาหยิบยื่นให้กับผู้ที่ยากไร้เนปาล โดยเฉพาะในลุมพินี เป็นสถานที่ประสูติพระพุทธเจ้า ซึ่งตอนประสูตินั้นพระพุทธเจ้าได้เสด็จ 7 ก้าวแรก ก้าวแรกของพระพุทธศาสดา ตามชื่อโครงการนั้น แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสามารถทำได้จริงๆ แต่ว่าก้าวของคนป่วยเหล่านี้มันไม่ใช่ก้าวธรรมดา เพราะว่าตอนเมื่อ 2,600 ปีที่แล้ว ก้าวของพระบรมศาสดาก็คือ ก้าวที่แสดงอิสรภาพให้แก่มนุษยชาติทั้งโลก “วันนี้ โดยการนำของคณะแพทย์พยาบาล คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนที่ร่วมบริจาค ได้มาพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่ทรงประกาศเมื่อ 2,600 ปีที่แล้วที่ให้ถึงอิสรภาพของใจ แต่ในวันนี้เรามาหยิบยื่นอิสรภาพของกายของผู้ป่วยเหล่านั้นที่ไม่สามารถจะเดินเหินไปไหนมาไหนได้ แต่เมื่อเช้านี้ คณะแพทย์ได้สร้างปาฏิหาริย์ให้เห็นใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการผ่าใช้เวลา หนึ่งชั่วโมงในการพักฟื้นแล้วก็พาเดินจนสำเร็จเป็นปรากฏการณ์ที่ทั้งคณะแพทย์ในเนปาลเองก็ทึ่ง หรือคนไข้เองก็มีความสุขร่าเริงที่ตัวเอง สามารถเดินได้ภายในแค่ สองชั่วโมง เราให้อิสรภาพ ให้รอยยิ้ม คนไข้ต่างพนมมือขอบคุณไทย ขอบคุณพระพุทธเจ้า ขอบคุณคณะสงฆ์ขอบคุณคุณหมอ ขอบคุณคณะพุทธศาสนิกชนไทยชนชาวไทยที่ร่วมบริจาคให้โครงการนี้ก่อให้เกิดความสำเร็จ” หลวงพ่ออนิลมาน กล่าว