นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้มีโอกาสพบกับ นายณธนเดช บุญนุ่มผ่อง หรือลุงเปีย ครูช่างเรือฉลอมจิ๋ว เรือมงคล รายแรกของประเทศไทย ที่ห้างบลูพอร์ต หัวหิน โดยลุงเปีย เป็น 1 ในครูช่างศิลปหัตถกรรมไทย ซึ่งเกิดมาในครอบครัวชาวประมง และมีความหลงใหลในการต่อเรือมาตั้งแต่เด็ก จนเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 40 ลุงเปียได้หันกลับมาศึกษาการต่อเรือจิ๋วอย่างจริงจัง และยึดเป็นอาชีพจนถึงปัจจุบัน นายสุวัจน์ เล่าถึงความเป็นมาของเรือฉลอม ว่าในอดีตนิยมใช้เป็นเรือประมงพื้นบ้าน หรือบรรทุกสินค้าไปขายตามหัวเมืองชายทะเล รูปร่างลำเรือคล้ายเรือโป๊ะแต่มีประทุนโค้งกลางลำ ทำจากไม้ไผ่สานขัดแตะมุงด้วยจาก มีต้นกำเนิดในแถบภาคกลาง หรือที่เราคุ้นหูกันกับท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร เพราะมีเรือฉลอมจอดอยู่จำนวนมาก เรือฉลอม ไม่มีเครื่องยนต์ ใช้ธรรมชาติคือลม และใบเรือในการแล่นเรือ ความพิเศษของเรือฉลอมจิ๋วลำนี้ คือ ลุงเปีย ได้นำเอาเลข 9 ใส่เข้าไปเป็นองค์ประกอบของเรือ คือแต่ละด้านของเรือ จะใช้ไม้ทั้งหมด 9 แผ่น เมื่อรวมกัน 2 ด้าน จะเป็น 18 แผ่น ซึ่ง 1 รวมกับ 8 เท่ากับ 9 ความยาวจากเรือไปท้ายเรือ 36 ซม. 3 รวมกับ 6 เท่ากับ 9 ไม้ที่ใช้ต่อเรือทั้งหมดมี 27 แผ่น 2 รวมกับ 7 เท่ากับ 9 ทำให้ทุกสัดส่วนของเรือ คือเลข 9 เลขมงคลทั้งลำ “เรือฉลอมนี้จึงเป็นเรือฉลอมมงคลรายแรกของประเทศไทย เพราะทุกสัดส่วนตกเลข 9 ทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้น วิธีการสร้างเรือฉลอมก็ไม่ธรรมดา เพราะใช้ไม้สักทั้งลำ และต้องเป็นไม้สักลายเดียวกันในการประกอบ เพื่อให้ลายไม้ต่อกัน หากวันไหนทำพลาด ต้องทิ้งทั้งแผ่น แล้วทำใหม่ อีกทั้งยังใช้ไม้ไผ่แทนตะปู เพื่อไม่ให้เกิดสนิม ก่อนจะลงแลคเกอร์เป็นขั้นตอนสุดท้าย เรือฉลอมลำนี้” นายสุวัจน์ กล่าว ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า เรือฉลอม นอกจากจะเป็นเรือมงคล ที่มีความหมายมงคลแล้ว ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวที่ตนประทับใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ลุงเปีย เปิดสอนให้ผู้ที่สนใจมาเรียนฟรี เพื่ออนุรักษ์การต่อเรือฉลอมจำลองให้คงอยู่ตลอดไป และยังเป็นอาชีพ สร้างรายได้อีกด้วย ผมขอแสดงความชื่นชมลุงเปีย ที่สร้างสรรค์ผลงานอันน่าทึ่ง ผมว่านี่จะเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่แสดงถึงวิถีชีวิตของชาวประมงไทย และทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักเมืองไทยมากยิ่งขึ้น จากเรือจิ๋วลำนี้