ปัจจุบัน คาร์ซีท (Car Seat) ที่นำเข้ามาขายในประเทศไทย หรือ ที่ผลิตในประเทศไทยเอง แต่ละแบรนด์ล้วนมีมาตรฐานความปลอดภัยที่แตกต่างกัน รวมถึงบางแบรนด์ที่ขายตามร้านค้าออนไลน์ ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยใด ๆ ทำให้กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ต้องเข้ามาควบคุมมาตรฐานคาร์ซีท โดยมีมติอ้างอิงจากมาตรฐานยุโรปเท่านั้น จากเดิม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ประกาศเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีท จะเริ่มบังคับใช้ภายในปี 2566 ให้ผู้ประกอบการที่ทำหรือนำเข้าคาร์ซีท ต้องทำหรือนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐาน มอก.3418-2565 โดยอ้างอิงมาจากมาตรฐานสากล ECE R44/04 (มาตรฐานเก่าของยุโรป ปัจจุบันได้ยกเลิกการใช้ไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2566) ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) สั่งให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งคุมเพิ่ม ให้คาร์ซีทที่ผลิตหรือนำเข้า ต้องผ่านการทดสอบการชนด้านข้างด้วย (จากมาตรฐานเก่า ECE R44/04 ไม่มีข้อกำหนดว่าต้องทดสอบการชนด้านข้าง) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยใหม่ล่าสุดของสหภาพยุโรป ECE R129 (i-Size) โดยมีจุดประสงค์ควบคุมให้ได้ภายในปลายปี 2567 นี้ เมื่อมาตรฐานควบคุมคาร์ซีทเปลี่ยนไป บังคับใช้ในปี 2567 นี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้น เราจะพาไปทำความเข้าใจระเบียบข้อบังคับของ ECE R129 (i-Size) ว่าเพิ่มความปลอดภัยอย่างไรบ้าง 1. การทดสอบการชน มาตรฐาน R129 ทดสอบการชน 4 ทิศทาง - ทดสอบการชนด้านหน้า ด้วยความเร็ว 50 กม./ชม. - ทดสอบการชนด้านหลัง ด้วยความเร็ว 30 กม./ชม. - ทดสอบการชนด้านข้าง 2 ข้าง ด้วยความเร็ว 24 กม./ชม. (มาตรฐานเก่า ECE R44/04 ทดสอบการชน หน้า-หลัง 2 ทิศทาง และไม่ได้มีการทดสอบการชนด้านข้าง) 2. การติดเซ็นเซอร์บนหุ่นจำลอง ทดสอบการกระแทก มาตรฐาน R129 ใช้เซ็นเซอร์ติดหุ่นจำลอง จำนวน 32 จุด เพื่ออ่านค่าความรุนแรงจากการกระแทก และจะรายงานผลออกมาเป็นความเสียหายตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย และต้องไม่เกินเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนดไว้ (มาตรฐานเก่า ECE R44/04 ติดเซ็นเซอร์เพียง 4 จุด) 3. ข้อบังคับทิศทางการติดตั้ง มาตรฐาน R129 มีข้อบังคับให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 เดือน ต้องหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์ (Rear-Facing) เท่านั้น (มาตรฐานเก่า ECE R44/04 มีข้อบังคับ 9 เดือน) 4. ระบบการติดตั้ง มาตรฐาน R129 และ R44/04 ครอบคลุมระบบติดตั้ง ทั้ง ไอโซฟิก (ISOFIX) และ เข็มขัดนิรภัยรถยนต์ (Belt) พร้อมต้องมีตะขอเกี่ยวเบาะรถยนต์ (Top Tether) หรือ ขาค้ำยัน (Support Leg) เสริมความปลอดภัยควบคู่ไปด้วย 5. การใช้งาน มาตรฐาน R129 แบ่งตามอายุและส่วนสูง เลือกคาร์ซีทได้เหมาะสมขึ้น เช่น แรกเกิด - 15 เดือน ส่วนสูง 40 - 83 cm. แรกเกิด - 4 ปี ส่วนสูง 70 - 105 cm. 15 เดือน - 12 ปี ส่วนสูง 70 - 150 cm. 3.5 ปี - 12 ปี ส่วนสูง 100 - 150 cm. (มาตรฐานเดิม ECE R44/04 แบ่งการใช้งานตามอายุและน้ำหนัก) เลือกคาร์ซีทมาตรฐานยุโรป ECE R129 (i-Size) ต้องดูตรงไหนบ้าง 1. กล่องสินค้าจะเป็นภาษาไทย ระบุโลโก้มาตรฐาน R129 ไว้ข้างกล่องอย่างชัดเจน 2. มีฉลากสีส้มกำกับมาตรฐาน R129 ไว้ที่ตัวฐานคาร์ซีท หรือบางรุ่นอยู่ที่โครงคาร์ซีท 3. สำหรับคาร์ซีทที่มีระบบติดตั้งแบบเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ (Belt) จุดติดตั้งจะต้องเป็นสีเขียว ตามกำหนดของมาตรฐาน R129 เพื่อแยกกับเบลท์มาตรฐานเก่าที่มีสีแดง คาร์ซีทมาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size มีแบรนด์ที่ทดสอบการชนด้านข้าง ด้วยการใช้ความเร็วมากกว่า 24 กม./ชม. หรือไม่ การทดสอบการชนด้านข้าง ด้วยความเร็ว 24 กม./ชั่วโมง เป็นมาตรฐานของ ECE R129 ที่มีความปลอดภัยตามสหภาพยุโรปอยู่แล้ว แต่จะมีคาร์ซีท Ailebebe รุ่น Kurutto R ที่ผลิตและนำเข้ามาจากญี่ปุ่น พร้อมมีศูนย์ทดสอบความปลอดภัยเป็นของตัวเอง มาตรฐานเดียวกันกับยุโรป จึงได้มีการทดสอบการชนด้านข้างด้วยความเร็วที่สูงกว่ามาตรฐาน R129 กำหนดไว้ ด้วยความเร็วทุกระดับ ตั้งแต่ 0 กิโลเมตร/ชั่วโมง, 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง, 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสูงสุดถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อตอกย้ำจุดขายด้านความปลอดภัย ของคาร์ซีทประเทศญี่ปุ่น เลือกคาร์ซีทมาตรฐาน R129 มีข้อดีอย่างไร - ได้รับความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากคาร์ซีท R129 ผ่านการทดสอบการชนด้านข้างด้วย - ใช้เซ็นเซอร์ติดหุ่นจำลองสรีระเด็กแบบทั่วตัว 32 จุด และผ่านการทดสอบหุ่นจำลองไม่ได้รับความเสียหายเป็นไปตามมาตรฐานกำหนดไว้ กรณีเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด ทำให้มั่นใจได้ว่าเด็กจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป - ติดตั้งง่ายและรวดเร็วขึ้น ด้วยระบบ ISOFIX (คาร์ซีท R129 ส่วนใหญ่จะเป็นระบบ Isofix) - คาร์ซีทได้รับการออกแบบให้เบาะนั่งกว้างขึ้น เด็กสบายขึ้น เนื่องจากมีข้อบังคับให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 เดือน ต้องนั่งคาร์ซีทหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์ (Rear-Facing) เท่านั้น - เลือกคาร์ซีทได้เหมาะสมกับสรีระเด็กมากขึ้น ด้วยการวัดส่วนสูงแทนการใช้น้ำหนัก สำหรับคาร์ซีทมาตรฐานเก่าของยุโรป ECE R44/04 ก็ยังสามารถใช้ได้ แต่ถ้าต้องการความมั่นใจว่าคาร์ซีทมีความปลอดภัยมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรจะเลือกคาร์ซีทมาตรฐานใหม่ R129 ฉลากตามรูปภาพ เพราะเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุดในตอนนี้ คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการเลือกซื้อคาร์ซีทมาตรฐานระดับยุโรป แนะนำให้ไปร้านสินค้าแม่และเด็กที่มีหน้าร้าน เพื่อที่จะได้ไปสัมผัสคาร์ซีทจริง ทดลองติดตั้ง รวมถึงสอบถามวิธีใช้งานจากพนักงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกน้อยให้นั่งคาร์ซีทที่ปลอดภัยสูงสุดและนั่งสบายที่สุด ขอบคุณข้อมูลจาก : ร้านเบบี้กิ๊ฟ BabyGift https://www.industry.go.th/th/info-promo/10843https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/237855 ตัวอย่างสัญลักษณ์มาตรฐานคาร์ซีท R129 ตามรูปภาพข้างล่าง