RUN พร้อมแล้ว โชว์ผลงานวิจัยเด่นกว่า 24 ผลงาน จาก 8 มหาวิทยาลัยเครือข่ายฯ ในงาน"มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2567"

กรุงเทพฯ – 26 สิงหาคม 2567 เครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) ประกอบด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอเชิญชวนอาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ร่วมขับเคลื่อนประเทศชาติด้วยงานวิจัย ในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2567 (Thailand Research Expo 2024) ครั้งที่ 19”

โดย ศาสตราจารย์ ดร.ดอกรัก มารอด ประธานเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) เปิดเผยว่า การพัฒนางานวิจัยถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งสามารถนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะทางด้านวิชาการ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงด้านนโยบายของรัฐบาล ปีนี้ RUN ได้นำผลงานวิจัยจัดแสดงนิทรรศการ ภายใต้ Theme “RUN towards IMPACT” โดยมีอาจารย์/นักวิจัย ได้ร่วมนำผลงานวิจัยที่สร้างผลกระทบทั้งทางด้านวิชาการ เศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม รวม 24 ผลงาน ร่วมนำเสนอผลงานวิจัยในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2567 (Thailand Research Expo 2024) ผลงานวิจัยทั้ง 24 ผลงาน ได้ถูกนำเสนอภายใต้ Concept “SDG”: Soft Power (S) Deep Science and Technology (D) และ Global Trends (G)

- Soft Power (S) (อำนาจละมุน) ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญอันหนึ่งของประเทศไทย ในการผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย เป็นการนำเสนอผลงานวิจัยที่มีอิทธิพลทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิดในเชิงสร้างสรรค์ หรือการใช้งานวิจัยเพื่อสร้างพฤติกรรมความชอบใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และเศรษฐกิจของไทย โดยผลงานวิจัย RUN ที่เป็น Soft Power ในการนำเสนอผลงานครั้งนี้ ได้แก่ งานด้านอาหารนวัตพันธุ์ข้าวสี : จุดเปลี่ยนในอาหารโภชนาการ งานด้านนวัตกรรมการจัดการห่วงโซ่คุณค่าโกโก้ในระบบนิเวศโกโก้ และด้านการท่องเที่ยว “ย่านเก่าเล่าเรื่อง” เมืองเรียนรู้ตลอดชีวิต เทศบาลนครพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น
- Deep Science and Technology (D) มุ่งเน้นผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง เป็นการวิจัยและพัฒนาเชิงลึกที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางและเทคนิคที่ก้าวหน้า ครอบคลุมถึงการค้นคว้าและพัฒนาที่มีความท้าทายและต้องการความรู้ความสามารถ เพื่อประโยชน์ต่อการยกระดับวิถีชีวิตของมนุษย์ให้ดีขึ้น ตัวอย่างงานวิจัยที่จะนำเสนอครั้งนี้ เช่น การพัฒนาชุดทดสอบทางด้านอาหาร ทางด้านสุขภาพ การเพิ่มมูลค่าอาหาร การใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการเกษตร การแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานด้านการจัดการยางพารา และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพารา เป็นต้น
- Global Trends (G) ผลงานวิจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ผลงานวิจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการทำงานของคนทั่วโลก ซึ่งนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ งานวิจัยด้านอาหารเพื่ออนาคต (Food for Future) ซึ่งมีทั้งอาหารเพื่อ ผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ อาหารสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ อาหารที่มีโภชนาการสูง เป็นต้น และงานวิจัยด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Well-being) ในหลากหลายด้าน

สำหรับวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 13.30 – 16.15 น. ยังมีการจัดบรรยายพิเศษ ณ ห้องประชุมเวิลด์บอลรูม ชั้น 23 ภายใต้ Theme “RUN towards IMPACT” ซึ่งประกอบด้วยการบรรยายพิเศษ 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่อง “อำนาจละมุน (Soft power) กับการส่งเสริมเศรษฐกิจ” โดย หม่อมหลวงภาสกร อาภากร ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เรื่อง “มุมมองของภาคเอกชนต่อการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์” โดย นายดำเกิง ทองซ้อนกลีบ บริษัท เกรด อินดีด จำกัด และเรื่อง “AI และ Digital เพื่อสร้างงานวิจัยที่มีผลกระทบ” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ผลเพิ่ม รองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ในทุกวันของการจัดงานยังมีกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ที่บูธ RUN พร้อมรับของรางวัลมากมาย จึงขอเชิญชวนอาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมชมการแสดงนิทรรศการผลงานวิจัย และฟังการบรรยายพิเศษของเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) ในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2567” ระหว่างวันที่ 26 – 30 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ