ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าของบ้านยุคใหม่ที่มองหา “โซลูชัน” ครบวงจรในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัย เอสซีจีได้ออกแบบแนวทางใหม่ในการพัฒนานวัตกรรมวัสดุก่อสร้างเพื่อตอบโจทย์ทั้งด้านฟังก์ชันการใช้งาน ความสวยงาม และความยั่งยืนในเวลาเดียวกัน ด้วยความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ประสบความสำเร็จและพร้อมใช้จ่ายในเรื่องบ้านที่ถือเป็น “รางวัลชีวิต” เอสซีจีจึงได้ริเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบ “Personalized” ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้านที่ชอบดีไซน์ที่หรูหรา หรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเรียบง่ายและรักษ์โลก ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นจึงถูกออกแบบมาเพื่อให้ความสำคัญทั้งด้านประสิทธิภาพและการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบ SCG Green Choice ที่ช่วยให้เจ้าของบ้านมีส่วนร่วมในการลดคาร์บอนและสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว เอสซีจียังได้จัดตั้งบริการครบวงจรเพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า เช่น SCG Home Smile และ SCG Housing Expert ซึ่งช่วยให้การซ่อมแซม ต่อเติม และดูแลบ้านเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เสริมสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านยุคใหม่ในทุกมิติ คุณอัญชลี ชวนะลิขิกร, Head of Housing Product Solution Business ในธุรกิจ SCG Smart Living และกรรมการผู้จัดการของบริษัท สยามไฟเบอร์ซีเมนต์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เจ้าของบ้านยุคใหม่ไม่ได้มองหาวัสดุก่อสร้างเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการโซลูชันที่สามารถสะท้อนตัวตนและยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาได้ ซึ่งเอสซีจีได้ตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว” เอสซีจีมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความอยู่รอดและความเป็นเลิศในทุกมิติ โดยเน้นแนวทางสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1. สร้างคุณภาพที่วางใจได้ในทุกมิติ o พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันการใช้งานสูงและออกแบบให้ใช้งานได้อย่างครบวงจร เพื่อให้เจ้าของบ้าน มั่นใจในทุกการเลือกสรร o พัฒนาหลังคาเอสซีจีให้รองรับสภาพอากาศที่รุนแรงด้วยระบบครอบและอุปกรณ์ที่ปรับให้รับมือกับ แรงลมสูง พร้อมวัสดุที่ช่วยสะท้อนความร้อน ลดอุณหภูมิภายในบ้าน o สมาร์ทบอร์ดเอสซีจีถูกออกแบบให้ทนต่อแดด ฝนและติดตั้งง่าย รองรับการใช้งานในหลากหลายพื้นที่ ทั้งฝ้า ผนัง และพื้น o นวัตกรรมลดความร้อนและเสียงรบกวน เช่น หลังคาเมทัลรุ่น METALUXE ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Noise Tech Shield ลดเสียงได้สูงสุดถึง 14% และฝ้าสมาร์ทบอร์ดรุ่น MAX ด้วยเทคโนโลยี Super Molecule ที่ช่วยระบายความร้อนและป้องกันแมลง 2. Green Collaboration – สร้างคุณค่าจากวัสดุรีไซเคิล o ขับเคลื่อนแนวคิด “Turn Waste to Value” โดยร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อรีไซเคิล วัสดุเหลือใช้ ลดขยะก่อสร้าง และสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความทนทาน o ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจัดการและนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ อย่างมีประสิทธิภาพ 3. ยืนหยัดในมาตรฐานและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง o ผลิตฝ้าสมาร์ทบอร์ดรุ่น MAX ด้วยเทคโนโลยีสูตรซูเปอร์โมโลกุล ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความเหนียว และติดตั้งได้อย่างง่ายดาย o พัฒนาหลังคาเซรามิก SCG EXCELLA Cresta ด้วยนวัตกรรมการผลิตที่พิถีพิถัน ให้สีสวยไม่ซีดจาง และทนทานต่อสภาพอากาศแปรปรวน โดยไม่ต้องใช้ Sub Roof o นำ AI และ IoT มาปรับปรุงกระบวนการผลิตและการก่อสร้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด Inclusive Green Growth ที่ผสานระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และคุณค่าที่ผู้บริโภคได้รับ เอสซีจีมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการแบบ Personalized ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นความหรูหราหรือความเรียบง่าย ที่มาพร้อมกับความใส่ใจในเรื่องการรักษ์โลก ผลิตภัณฑ์และบริการเหล่านี้จะเป็นก้าวสำคัญสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2593 การได้รับรางวัล Thailand’s Most Admired Brand 2025 ในปีนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำและมาตรฐานคุณภาพที่เอสซีจีได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วประเทศ รางวัลนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินหน้าสู่อนาคตด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งด้านฟังก์ชันและความยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างให้เข้าสู่มาตรฐานใหม่ที่ผู้บริโภคสามารถไว้วางใจได้เสมอ เอสซีจี ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยให้บ้านของคนไทยไม่เพียงแต่เป็นที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว