หยุด! ภาวะอ้วนลงพุงในวัยทำงาน ทำลายสุขภาพ เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง
ภาวะอ้วนลงพุง (Metabolic Syndrome) อันตรายกว่าที่คิด เพราะนอกจากปัญหาภายนอกอย่างเรื่องรูปร่างที่ไม่สมส่วนแล้ว ยังส่งผลให้เกิดความผิดปกติภายในร่างกาย ทั้งความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคไขมันพอกตับ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก
สาเหตุของการเกิดภาวะอ้วนลงพุง เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเป็นหลักและการเลือกรับประทานอาหาร ช่วงวัยทำงานจึงมักเป็นวัยที่เริ่มเกิดภาวะอ้วนลงพุงกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก 80% ของคนวัยนี้มักทำงานแบบนั่งโต๊ะ เฉลี่ย 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เมื่อร่างกายเคลื่อนไหวน้อย การเผาผลาญพลังงานระหว่างวันก็น้อยตาม นอกจากนี้การใช้ชีวิตที่เร่งรีบก็ส่งผลต่อการเลือกรับประทานอาหารที่เน้นความสะดวกรวดเร็ว ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ
แม้ในปัจจุบันคนวัยทำงานจะตระหนักเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น พยายามดูแลตัวเองเท่าที่ปัจจัยแวดล้อมจะเอื้ออำนวย เช่น แบ่งเวลาออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงหลังเลิกงาน แต่การเผาผลาญแคลอรีก็อาจไม่เพียงพอสำหรับบางคน ทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุงและลุกลามไปเป็นโรคเรื้อรังจากภาวะอ้วนโดยไม่ทันตั้งตัว การให้ความสำคัญในการป้องกันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดภาวะดังกล่าว จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ เพื่อรักษาสุขภาพในระยะยาว
พฤติกรรมที่ควรปรับเปลี่ยน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะอ้วนลงพุง
1. ‘เพิ่มกิจกรรมระหว่างวัน’
แน่นอนว่าการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้นนั้นเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด แต่หากไม่สามารถทำได้ การบังคับตัวเองให้ขยับตัวมากขึ้น ก็ช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ เช่น การลุกเดินระหว่างวัน ขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ เดินไปซื้อของใกล้ๆ แทนการใช้รถ ยืนให้มากขึ้น
2. ‘จำกัดการรับประทานแป้ง’
เนื่องจากอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตจะให้พลังงานเพียงอย่างเดียว ดังนั้นการทานในปริมาณที่เหมาะสมกับอัตราการเผาผลาญของเราในแต่ละวัน จึงเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดแคลอรีส่วนเกินได้
3. ‘หยุดพฤติกรรมการนอนดึก’
การนอนดึกทำให้ฮอร์โมน Laptine ซึ่งเป็นฮอร์โมนควบคุมความอิ่ม ลดลงถึง 24% ส่งผลให้เรามีความอยากอาหารมาก ดังนั้นเราจึงควรปรับเวลานอนให้เร็วขึ้น เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนตัวนี้ให้อยู่ในระดับปกติ
4. ‘ทานอาหารว่างเวลา 4 โมงเย็น’
การรับประทานอาหารว่างไม่ได้ทำให้อ้วนขึ้นเสมอไป หากเลือกเวลาและอาหารที่รับประทานให้เหมาะสม เช่น แอปเปิ้ลเขียว แก้วมังกร ฝรั่ง ซึ่งทำให้รู้สึกอยู่ท้องและอิ่มนานขึ้น เป็นการตัดกำลังไม่ให้รับประทานอาหารมื้อเย็นมากเกินไป
วิธีเหล่านี้คือวิธีง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อดูแลรูปร่างให้ดีและป้องกันปัญหาสุขภาพระยะยาว
แต่สำหรับท่านใดที่ลองใช้วิธีดังกล่าวแล้วยังไม่ได้ผลที่น่าพอใจ อาจจะเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านร่างกายหรือด้านเวลา ปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยปรับสัดส่วน ลดไขมันหน้าท้องหรือพุง ที่เห็นผลได้ทันที หรือแม้แต่การลดน้ำหนักเพื่อรักษาโรคอ้วนเรื้อรัง ก็ทำได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยขึ้น ซึ่งวิธีที่ว่านี้ได้แก่
1. ดูดไขมัน : เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด เช่น ลดไขมันบริเวณพุง เพื่อปรับสัดส่วนให้สวยงาม ซึ่งก็มีสถาบันเสริมความงามหลายแห่งที่ให้บริการด้านนี้ มีการใช้เทคนิคและอุปกรณ์ที่ต่างกันไปตามความชำนาญของแพทย์ หนึ่งในสถาบันที่ได้รับการยอมรับด้านการดูแลรูปร่างมายาวนาน อย่าง รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แพทย์จะเน้นการออกแบบรูปร่างที่สมส่วนด้วยเทคนิค Body Contouring โดยใช้เครื่อง BodyTite ร่วมกับ PAL ดูดไขมันพร้อมกระชับผิวหนังในครั้งเดียว เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูธรรมชาติ ลดโอกาสการเกิดผิวย้วยในภายหลัง
2. ผ่าตัดกระเพาะ : วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุง น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน (BMI สูงกว่า 29) หรือมีโรคแทรกซ้อนอันเกิดจากความอ้วน เช่น เบาหวาน ความดัน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยคนกลุ่มนี้ไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยตัวเองได้แล้ว ต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักโดยเฉพาะ ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ก็มีความพร้อมในส่วนของทีมศัลยแพทย์ทางเดินอาหารประสบการณ์สูง ที่เป็นผู้ให้การรักษาภาวะอ้วนด้วยการผ่าตัดกระเพาะ ดูแลและติดตามผลร่วมกับนักโภชนาการตลอด 1 ปี ซึ่งในการเลือกวิธีผ่าตัดกระเพาะสำหรับคนไข้แต่ละราย แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้มากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจ และที่สำคัญคือมีความปลอดภัยสูงในทุกเคส
สำหรับท่านที่สนใจดูแลรูปร่างด้วยการดูดไขมัน หรือผ่าตัดกระเพาะ สามารถติดต่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
เปิดให้บริการวันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา 10.00 น. - 20.00 น.
สำรองคิวล่วงหน้าเพื่อรับคำปรึกษา หรือสามารถสอบถามได้ที่
• Tel. 086-570-7040
• Line: @rattinan
• Facebook: Rattinan Medical Center