วันนี้ (17 ม.ค.63) เวลา 13.30 น.ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ตำบลบางสะแก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม นายวงเทพ เขมวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายเชน จีนหมวกดำ รักษาการเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม นางชุลี นิลยนารถ เกษตรอำเภอบางคนที พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องและชาวสวนในตำบลบางสะแกเกือบร้อยคนร่วมให้การต้อนรับ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ประธานคณะกรรมาธิการ พร้อมคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ที่เดินทางมาศึกษาติดตามการเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นและเกษตรแปรรูป ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยนายวิศิษ บ่อสารคาม หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม รายงานผลการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นและการท่องเที่ยววิถีเกษตร โครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยววิถีเกษตร และโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยพลเอกฉัตรชัย เสนอแนะการปฏิบัติราชการกับหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตรสินค้าเกษตรอำเภอบางคนที ของนายประวิตร คุ้มสิน ประธานศูนย์ดังกล่าว และรับฟังปัญหาจากเกษตรกรในพื้นที่ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.ด้านการผลิต 2.ด้านปัจจัย 3.ด้านสหกรณ์ และ 4.ด้านการปฏิรูปประเทศพลเอกฉัตรชัย กล่าวว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 270 กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาทำหน้าที่ติดตามการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ ส่วนตนดูแลด้านการเกษตรซึ่งมี 6 เรื่อง 1 ใน 6 เรื่อง คือเกษตรอัตลักษณ์ซึ่งส่งเสริมจุดเด่นของท้องถิ่น นำมาเป็นจุดขาย ส่งผลให้ราคาดีกว่าสินค้าเกษตรทั่วไป ซึ่งเป็นหัวข้อในการปฏิรูปภาคการเกษตรนี้ให้ดียิ่งขึ้น ในส่วนของจังหวัดสมุทรสงคราม ส่วนใหญ่จะพูดถึงส้มโอและลิ้นจี่ที่พยายามผลักดันให้เป็นเกษตรอัตลักษณ์เนื่องจากได้รับมาตราฐาน GI ไปแล้ว ก็จะทำให้การผลักดันขับเคลื่อนเกษตรอัตลักษณ์นั้นง่ายขึ้น วันนี้จึงมาดูแผนการทำงานของจังหวัดด้านเกษตรว่าเดินหน้าให้ประสบความสำเร็จได้มากน้อยขนาดไหน มีแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างไร เกษตรกรเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งถ้าพัฒนาตรงนี้ไปได้มากๆ ก็จะเป็นเรื่องหนึ่งซึ่งจะทำให้การยกระดับมาตรฐานการทำเกษตรในเรื่องของการปฏิรูป ประสบความสำเร็จอันนี้คือเป้าหมายที่สำคัญจากนั้น พลเอกฉัตรชัย ยังได้ลงพื้นที่สวนส้มโอ พร้อมกล่าวว่าทั้งส้มโอและลิ้นจี่ที่ต้องการผลักดันให้เป็นสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ ยังมีพื้นที่เพาะปลูกไม่มาก จึงต้องมีแผนงานและสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรในเรื่องเกษตรอัตลักษณ์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับราคาผลผลิตให้สูงขึ้น ให้เหมือนกับส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามที่มีราคาสูงถึงลูกละหลายร้อยบาท ขณะที่ราคาส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ของสมุทรสงคราม แม้จะได้รับการรับรอง GI แต่ก็ยังมีราคาถูกกว่า จึงจำเป็นต้องชี้ให้เห็นว่าหากเกษตรกรให้ความสำคัญกับเกษตรอัตลักษณ์นี้ จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องช่วยกันผลักดันเกษตรอัตลักษณ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น