ถ้าเอ่ยถึง "วัดจุฬามณี" ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เชื่อว่าคนทั่วไปรู้จักกันดีเพราะวัดนี้โด่งดังมากในเรื่องใครขอโชคขอลาภขออะไรก็จะสมหวังดังที่ตั้งใจ ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อเนื่อง โกวิทโท อดีตเจ้าอาวาสซึ่งนอกจากเชื่อกันว่าให้หวยแม่นแล้ว ยังใช้ใบมะนาวรักษาโรคต่างๆ จนเป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศ ต่อมาเมื่อพระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (หลวงพ่ออิฏฐ์) ซึ่งเป็นศิษย์ เป็นเจ้าอาวาส ก็ได้สร้างท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ทำให้วัดจุฬามณีโด่งดังเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ทำให้ปัจจุบันมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบไหว้บูชา ท้าวเวสสุวรรณ เนื่องแน่นเต็มพื้นที่วัดตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน กอร์ปกับคำร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์จนกลายเป็นปรากฎการณ์ความเชื่อ สร้างชื่อให้กับวัดจุฬามณีจนกลายเป็นจุดหมายใหม่ของนักท่องเที่ยวที่ยอมเดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร เพียงเพื่อมากราบไหว้ขอพรทั้งเรื่องงาน กิจการ ค้าขาย ครอบครัว เจ็บป่วย อุบัติเหตุ ค้าขายที่ดิน โชคลาภ แคล้วคลาด คุ้มครองปลอดภัย เป็นต้น พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (หลวงพ่ออิฏฐ์) เจ้าอาวาสวัดจุฬามณี เจ้าคณะอำเภออัมพวา กล่าวว่า เมื่อปี 2532 อาตมาเคยจำวัดหลายวันได้ฝันว่าท้าวเวสสุวรรณพาชมสถานที่ต่างๆที่ท่านปกครองเจอคนเฒ่าคนแก่และผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จึงอธิษฐานขอกลับโลกมนุษย์จะสร้างท้าวเวสสุวรรณ ขึ้นที่วัดจุฬามณีแห่งนี้ ท่านจึงบอกกลับมาว่า หากจะปั้นฉันจะต้องไปตามช่างปั้น “ทองร่วง” ที่อยู่ในจังหวัดเพชรบุรี ต้องให้ช่างผู้นี้เป็นผู้ปั้นเท่านั้น เมื่อตื่นขึ้นมาจึงไปหาช่าง “ทองร่วง” (นายทองร่วง เอมโอษฐ์” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะปูนปั้น) ปั้นท้าวเวสสุวรรณองค์แรกเป็นปูนปั้นมือสีขาว ชื่อ“ท้าวเวสสุวรรณพรหมาสูติเทพ” กระทั่งปัจจุบันมีท้าวเวสสุวรรณประดิษฐาน 23 องค์ ต่อมาปี 2545 หลวงพ่ออิฏฐ์ ได้เป็นผู้ออกแบบและจัดสร้างเหรียญทรงจำปีท้าวเวสสุวรรณขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยรูปแบบพระพักตร์ยักษ์ จากนั้นได้สร้างเหรียญทรงจำปีเรื่อยมาแบบต่อเนื่องจนปัจจุบัน จำนวนหลายร้อยรุ่น และเพื่อเป็นอนุสรณ์ในวาระที่พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (หลวงพ่ออิฏฐ์) สร้างเหรียญท้าวเวสสุวรรณ “ทรงจำปี” ครั้งแรกเมื่อปี 2545 จนปัจจุบันปี 2565 ถือเป็นการกำเนิดเหรียญทรงจำปี ครบรอบ 20 ปี วัดจุฬามณี จึงได้สร้างเหรียญหล่อจำปีท้าวเวสสุวรรณที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นเนื้อโลหะผสม จำนวน 3 เหรียญ โดยขยายจากเหรียญต้นแบบที่วัดจุฬามณีจัดสร้างขึ้นจริงขนาดปกติ ทั้ง 3 รุ่น และเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ประกอบด้วย องค์ประธานตรงกลาง คือ เหรียญจำปีใหญ่ท้าวเวสสุวรรณ 3 ปาง อันมี เทวสุวรรณพรหมาสุติเทพ ท้าวเวสสุวรรณจตุมหาราชิกา ท้าวกุเวรเทพบุตร สร้างขึ้นปี 2563 สูง 3.5 เมตร ด้านหลังเหรียญ เป็นอาวุธ 5 ชนิด คือ 1. "ตรีศูล หรือ วชิราวุธ" ของ พระอินทร์, 2. "กระบอง หรือ คฑา" ของ ท้าวเวสสุวัณ, 3. "ผ้าโพก" ศรีษะ ของ อาฬวกยักษ์, 4. "จักรเพชร" ของ พระนารายณ์, และ 5. "ดวงตา" แห่ง ท้าวพญายมราช, องค์ด้านซ้ายประดิษฐานเหรียญจำปีใหญ่ท้าวเวสสุวรรณ จตุมหาราชิกา พระพักตร์ยักษ์ สร้างขึ้นปี 2545 สูง 3 เมตร และ ด้านขวาประดิษฐาน เหรียญจำปีใหญ่ ท้าวกุเวรเทพบุตร สร้างขึ้นปี 2561 สูง 3 เมตร ด้านหลังเป็นอักขระ ยันต์พุทธซ้อน ดวงตราท้าวเวสสุวรรณโณ เป็นมหามงคลที่เข้มขลัง และเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 วัดจุฬามณีได้จัดให้มีพิธีอัญเชิญเหรียญจำปีใหญ่ มหาบารมี 3 เทพ ปี 2563 สูง 3.5 เมตร เหรียญจำปีใหญ่ ท้าวเวสสุวรรณโณ ปี 2545 สูง 3 เมตร และเหรียญจำปีใหญ่ ท้าวกุเวรเทพบุตร ปี 2561 สูง 3 เมตร ขึ้นประดิษฐานบนแท่น ณ วัดจุฬามณี หลวงพ่ออิฏฐ์ เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ประกอบพิธีวางดวงมหาฤกษ์และรัตนมงคล ณ แท่นประดิษฐานเหรียญจำปีใหญ่จำนวน 3 แท่น พร้อมอัญเชิญเหรียญจำปีใหญ่ขึ้นแท่น พระสงฆ์เปรียญธรรมทวาทสวรรค 12 รูป เจริญชัยมงคลคาถา จากนั้นนายกรกฎ สุริยสังกาศ บัณฑิตพราหมณ์ประกอบพิธีบวงสรวงบูชาท้าวเวสสุวรรณโณ ก่อนที่พระสมุทรธรรมคณี เจ้าอาวาสวัดกลางเหนือ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานจุดเทียนชัย พระสงฆ์ เจริญพระคาถาจุดเทียนชัย และเจริญพระคาถามหาสมัยสูตรพุทธาภิเษก-เทวาภิเษกสมโภชเหรียญจำปีใหญ่ พระเถราจารย์ 9 รูป ทั่วประเทศ นำโดยพระสมุทรธรรมคณี นั่งปรกอธิฐานจิต ก่อนที่พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ เป็นประธานดับเทียนชัย และปะพรมน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับเหรียญจำปีใหญ่ 3 เหรียญดังกล่าว ตั้งประดิษฐาน ณ ลานท้าวเวสสุวรรณภายในวัดจุฬามณี และเปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาเดินทางมากราบไหว้ขอพรตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. โดยจุดธูป 9 ดอก พร้อมดอกกุหลาบจะเป็นดอกเดียว เป็นช่อ หรือเป็นพุ่มก็แล้วแต่ความสะดวก แต่งดจุดประทัด เปลี่ยนเป็นข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม เพื่อวัดจุฬามณีจะได้นำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้และด้อยโอกาสต่อไป