วันที่ 22 ก.ค. 65 นายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้เกียรติเป็นประธาน ในพิธีเปิดงานเทศกาลแห่โคม ชมพระฉาย สืบสายศิลป์ ถิ่นหนองจับเต่า เขาชีจรรย์ ครั้งที่ 8 โดยมีนางอำไพ ศักดานุกูลจิต สไลวินสกี้ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี พลเรือโท พงศ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ประธานกรรมการมูลนิธิพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ณ บริเวณมณฑลพิธีพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ โดยงานดังกล่าว ได้จัดให้มีขึ้นระหว่าง วันที่ 22 - 23 กรกฎาคม 2565 นายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า งานเทศกาลแห่โคม ชมพระฉาย สืบสายศิลป์ ถิ่นหนองจับเต่า เขาชีจรรย์ จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 รวมทั้ง เพื่อสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ที่ประดิษฐานอยู่ ณ พระอุระของพระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแกะสลักหินประจำ รัชกาลที่ 9 โดยไฮไลท์ ในวันแรกของการจัดงาน อยู่ที่การประกวดขบวนแห่โคม จากชุมชนต่างๆ ซึ่งปีนี้ มีชุมชนสนใจเข้าร่วมประกวดโคมประทีป จำนวน 10 ชุมชน โดยตลอดสองข้างทางที่ขบวนเคลื่อนผ่าน มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ความสนใจรอชม และถ่ายภาพขบวนแห่โคมประทีป ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแสดงพระธรรมเทศนา โดยพระพรหมวชิรสุธี เจ้าอาวาสวัดพระรามเก้ากาญจนาภิษก และการแสดงชุด "ระบำสมุทราบูรพาทิศ" โดยวิทยาลัยนาฏศิลป์จันทบุรี ให้ได้ชมกันด้วย ส่วนในวันที่สองของงาน (23 ก.ค.65) มีไฮไลท์อยู่ที่การแสดงโขนกลางแจ้ง เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน "ธรรมมิกราชา" ซึ่งเป็นการแสดงโขนที่มีนักแสดงกว่า 100 คน และพิธีมอบรางวัลให้กับชุมชนที่ชนะเลิศการประกวดโคมประทีป ทั้งนี้ การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน ทางจังหวัดได้มีการปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด มีจุดคัดกรองและเจ้าหน้าที่ ทีมงาน ควบคุมดูแลความเรียบร้อย พร้อมจัดเตรียมเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ไว้บริการสำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมและนักท่องเที่ยว โดยภายในงานยังมีการจำหน่ายสินค้าของดีอำเภอสัตหีบ กิจกรรมสาธิตการสร้างาน สร้างอาชีพ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ หมุนเวียนให้ได้ชมกันตลอดทั้งงาน นับเป็นงานประเพณี ที่ช่วยส่งเสริมงานด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ตลอดจนสร้างประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยว ได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน ของชาวอำเภอสัตหีบ และจังหวัดชลบุรี ได้เป็นอย่างดี