ศอ.บต.ห่วงเศรษฐกิจภาคใต้ ถกประชุมหารือกับภาคเอกชนในพื้นที่ เตรียมรับมือ หลัง COVID -19 หวังอุตสาหกรรมแห่งอนาคตฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน ที่ โรงแรมบุรีศรีภู อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกับสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม ชมรมธนาคารไทย ชมรมนักธุรกิจรุ่นใหม่ คณะกรรมการที่ปรึกษา การบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกว่า 150 คน ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ “กระบวนการสร้างการรับรู้และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในพื้นที่การขับเคลื่อนโครงการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา” หลังพบว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของพื้นที่ที่ผ่านมาประสบปัญหาทั้งจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากผลผลิตทางการเกษตร อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวตกต่ำลงตามลำดับ คาดการณ์อนาคตมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง นายสันติ รังสิยาภรณ์รัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ ได้นำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจภาคใต้และเศรษฐกิจจังหวัดสงขลา ทั้ง 3 ส่วน ล้วนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบว่าเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ 5 ตัวหลัก ในภาพรวมหดตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อติดลบ และจำนวนการวางงานเพิ่มขึ้น ที่น่าห่วงคือโครงสร้างเศรษฐกิจภาคใต้กว่าร้อยละ 60 ยังคงพึ่งพาภาคเกษตร ท่องเที่ยว การค้าและการผลิตเป็นหลัก และเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจทั้งหมดล้วนหดคัวมากขึ้น ในจณะที่รายต่านภาครัฐกลัยมาหดคัวสวนทางกับประเทศ แบะคาดการณ์กันว่าจะมีกลุ่มแรงงานที่มีความเสี่ยงคือการถูกเลิกจ้างกว่า 1.7 ล้านคน ดังนั้นทุกภาคส่วนตึงต้องให้ความสำคัญกับมาตราการฟื้นฟูต่อจากการเยียวยา ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ แรงงาน ภูมิคุ้มกันให้ภาคครัวเรือนและ SMEs ที่เปราะบาง แต่ที่สำคัญที่สุด ต้องรับความท้าทายของโลกหลังโควิด-19 ที่จะก่อให้เกิดธุรกิจ Sector ใหม่ และการโยกย้ายคน และทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่ นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการ ศอ.บต. ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ว่า ศอ.บต. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีการนำเสนอที่มา และความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ จากการมีเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ ตามที่รัฐบาลได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2559 ประกอบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำในการดำเนินการในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมพื้นที่อำเภอจะนะ เพื่อเป็นเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งเป็นการบังคับใช้มาตรา10 แห่งพ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553 ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อร่วมกันกำหนดและเชื่อมโยงมิติการพัฒนาไปพร้อมกัน เน้นการจัดทำโครงการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ไปพร้อมกับแผนพัฒนาของเอกชน ซึ่งผู้บริหารของภาคเอกชนมีความประสงค์จะเข้าร่วมพัฒนาพื้นที่ ร่วมกับรัฐบาลและประชาชน เพื่อยกระดับเมืองจะนะให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งครบวงจร ศูนย์กลางพลังงานไฟฟ้า อุตสาหกรรมสีเขียว อุตสาหกรรมฐานชีวภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารปลอดภัย และอุตสาหกรรมขนส่งทางราง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่ไปพร้อมกันอย่างสร้างสรรค์ และเน้นย้ำธุรกิจสีเขียว-สีน้ำเงิน ไม่มีปิโตรเคมีในแผนการพัฒนาแน่นอน ตามที่ผู้บริหารระดับสูงสุด ได้มีเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ ในการดูแลช่วยเหลือประชาชนให้เติบโตไปพร้อมกันลิงค์ภาพข่าววีดีโอhttps://youtu.be/0fLsv0Yfoj8