เสี่ยงตายไม่ทันตั้งตัว! ภัยเงียบจากความอ้วน กลุ่มโรค NCDs

ผลการสำรวจสถิติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจากองค์กรอนามัยโลก พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทยมาจากกลุ่มโรค NCDs หรือ โรคไม่ติดต่อร้ายแรง เช่น ความดัน เบาหวาน ถุงลมโป่งพอง มะเร็ง หลอดเลือดสมองและหัวใจ อันมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่ให้ความสำคัญและไร้วินัยในการดูแลสุขภาพ ทำให้มีไขมันและสารพิษสะสมอยู่ในร่างกายทีละน้อย เป็นโรคอ้วน และเกิดโรคในกลุ่ม NCDs แทรกซ้อนตามมา


กลุ่มโรค NCDs ป้องกันได้ แค่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน


1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน ทานในปริมาณที่เหมาะสมกับการเผาผลาญของร่างกาย เลี่ยงอาหารรสจัด มีน้ำตาลและไขมันสูง

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคอ้วน และโรคแทรกซ้อนจากความอ้วน โดยเฉพาะโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้

3. พักผ่อนให้เพียงพอและเข้านอนให้เป็นเวลา
การนอนหลับอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยให้ฮอร์โมนซึ่งช่วยควบคุมความหิวอยู่ในระดับสมดุล

4. ไม่ปล่อยให้ตัวเองเกิดความเครียดสะสม
เพราะหากสุขภาพจิตใจไม่ดี ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกาย ทั้งในด้านอารมณ์ พฤติกรรม และการนอนหลับ เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ภูมิคุ้มกันก็จะต่ำลงทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ง่ายขึ้น

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
น้ำเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ทำให้ระบบเผาผลาญและระบบขับถ่ายทำงานได้ดี เราจึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 7-8 แก้ว หรือ 2-3 ลิตรต่อวัน

6. ตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ
ช่วยให้เราทราบแนวทางในการดูแลตัวเองและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีมากขึ้น หากพบปัญหาสุขภาพก็สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที

หากป่วยด้วยกลุ่มโรค NCDs แล้ว จะรักษาได้อย่างไร


ปัจจุบันการรักษากลุ่มโรคไม่ติดต่อร้ายแรงมีหลายวิธี แพทย์จะใช้การรักษาแตกต่างกันไปตามลักษณะของโรค เบื้องต้นจะแนะนำให้คนไข้ลดน้ำหนักตัวลงจากเดิม แต่สำหรับคนไข้ที่มีน้ำหนักตัวเกินค่อนข้างมากและไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยตัวเองนั้น แพทย์จะแนะนำการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก ซึ่งทำได้หลายเทคนิค โดยแพทย์จะประเมินและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละรายให้มากที่สุด

4 วิธีผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักที่ได้ผลจริงและได้รับการยอมรับ


1. Sleeve Gastrectomy – LSG การตัดเอากระเพาะออกประมาณ 75%-80% ซึ่งรวมถึงส่วนที่ผลิตฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวออกไป

2. Gastric Bypass – RYGB เป็นวิธีผ่าตัดกระเพาะมาตรฐานที่ลดน้ำหนักได้มากที่สุด โดยการตัดกระเพาะออก ร่วมกับตัดลำไส้ส่วนที่ดูดซึมน้ำตาลออกด้วยบางส่วน

3. Over Stitch การลดขนาดกระเพาะ โดยการเย็บกระเพาะด้วยไหมชนิดพิเศษแทนการตัดกระเพาะออกไป จึงไม่มีแผลเป็นที่หน้าท้องเพราะใช้การผ่าตัดแบบส่องกล้องผ่านทางปาก

4. Single Port Access – SPA เทคนิคใหม่ล่าสุด เป็นการผ่าตัดกระเพาะผ่านสะดือ ที่จะมีแผลเป็นขนาดเล็กมาก เพียง 1 รู จึงหมดปัญหาเรื่องความสวยงามหลังผ่าตัด ความเจ็บจึงน้อยลงมาก คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้นด้วย

สำหรับการรักษาโรคอ้วนด้วยวิธีผ่าตัดกระเพาะนี้ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ก็เป็นหนึ่งในศูนย์การแพทย์ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้ทั้งในไทยและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน มีเคสผ่าตัดกระเพาะมากกว่า 300 เคสต่อปี

ด้วยความพร้อมทั้งในส่วนของบุคลากร นำทีมโดยศัลยแพทย์ชำนาญการด้านทางเดินอาหาร และการผ่าตัดส่องกล้องจากสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์กว่า 30 ปี รวมถึงเครื่องมือที่ครบครัน รักษาในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานสากล คนไข้จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยในทุกขั้นตอน มีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด ตลอดจนได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ซึ่งก็คือการลดความเสี่ยงจากโรคอ้วนและได้สุขภาพที่ดี กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติอีกครั้ง

สำหรับท่านใดที่ต้องการรับคำปรึกษาและทำหัตถการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก สามารถติดต่อได้ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์

เปิดให้บริการวันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา 10.00 น. - 20.00 น.
สำรองคิวล่วงหน้าเพื่อรับคำปรึกษา หรือสามารถสอบถามได้ที่
• Tel. 086-570-7040
• Line: @rattinan
• Facebook: Rattinan Medical Center

LINE
: https://lhco.li/3hBcpfQ