OMI SUSHI & TEPPAN จากแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมี่ยมระดับภูมิภาค พร้อมทะยานสู่ธุรกิจ Franchise

คุณหมุด สุรินทร์ พูลสวัสดิ์ CEO เจ้าของแบรนด์ OMI SUSHI & TEPPAN นับได้ว่าเป็นหนึ่งในกูรูด้านอาหารญี่ปุ่นตัวจริง เพราะมีโอกาสได้คลุกคลีอยู่กับการพัฒนาอาหารญี่ปุ่นมานาน มีความเชี่ยวชาญในการบริการและสร้างระบบร้านอาหารระดับประเทศ จนได้นำองค์ความรู้มาถ่ายทอดในหนังสือ Best Seller ชื่อเล่มว่า “ปั้นแบรนด์ให้ดังเดี๋ยวตังค์มาเอง” ทั้งยังเป็นวิทยากรที่ปรึกษาธุรกิจต่างๆ และได้เล่าว่า

“ผมเคยทำงานที่แมคโดนัลด์ประมาณ 13 ปี หลังจากนั้นก็มาทำงานที่โออิชิและอิชิตัน มีโอกาสได้ทำงานกันคนญี่ปุ่น ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่น และได้ปั้นแบรนด์ที่บริษัท Crazy spicy ส.ขอนแก่น และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมายกว่า 30 ปี จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจที่จะปั้นแบรนด์ของตัวเองบ้างแล้ว ประมาณ 9 ปีที่แล้วผมเริ่มทำร้านอาหารของตัวเองที่กรุงเทพฯ แถวนวลจันทร์ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น Omi Sushi & Teppan และร้านอาหารอีสาน ปั้นข้าวเหนียว นอกจากนี้ยังมีร้าน Omiyakiniku ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา"

ในปัจจุบัน Omi Sushi & Teppan พร้อมให้บริการสาขาใหม่ล่าสุดที่ จ.ลำปาง (ถนนลำปาง แม่ทะ) มีการคัดสรรวัตถุดิบที่ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น มีการนำมาปรุงความอร่อยด้วยซอสที่มีเอกลักษณ์อย่างพิถีพิถัน แต่ยังคงความสดใหม่และรสชาติดั้งเดิมไว้โดยเชฟยอดฝีมือ ที่รังสรรค์มากว่า 100 เมนู แห่งความอร่อย ทั้งซูชิ ซาซิมิ โรล โอนิกิริ ข้าวหน้าสเต็ก ราเมน ซุป อีกทั้งมีการนำปลาทูน่าและปลาแซมม่อนที่ตัวใหญ่กว่า 50 กิโลมาแล่โชว์กันทุกสัปดาห์ ถ้วยจานและภาชนะของทางร้านถูกออกแบบจากโรงงานเซรามิคคุณภาพมาตรฐานส่งออก ภายในร้านถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น เน้นใช้เฟอร์นิเจอร์และไม้สีอ่อนเพื่อให้บรรยากาศที่อบอุ่นภายใต้แรงบันดาลใจจากฮอกไกโด สามารถรองรับลูกค้าทั้งกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ได้มากกว่า 50 ที่นั่ง

คุณหมุด สุรินทร์ ได้กล่าวต่ออีกว่า

“สาขาที่จ.ลำปาง ทั้ง 3 สาขา ถือว่าประสบผลสำเร็จทั้งด้านยอดขาย การพัฒนาระบบการบริหารจัดการและได้มีกระแสตอบรับจากลูกค้าดีมาก จนผมได้เริ่มแตกไลน์เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นขนาดเล็ก เช่น ร้านข้าวหน้า Omi Don ,ร้าน Omi Ramen ,ร้านซูชิและ Teppanyaki ชื่อร้าน Beef Buff”

“และวันนี้ผมมีความพร้อมที่จะขยายธุรกิจไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้คนที่กำลังมองหาทางเลือกในการทำธุรกิจที่เลี้ยงตัวเองได้ โดยการเปิดขายแฟรนไชส์ ร้านญี่ปุ่นขนาดเล็ก เน้นต่างจังหวัดและหัวเมืองใหญ่ เพราะอาหารญี่ปุ่นมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก ทานง่ายและดีต่อสุขภาพ สามารถทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุเลย”

ในช่วงวิกฤติโควิด คุณสุรินทร์ได้คิดริเริ่มสร้างโมเดลธุรกิจร้านอาหารที่อยู่นอกห้าง จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนต่างจังหวัดกลายเป็นโอกาสของธุรกิจ และมีข้อมูลจากการศึกษาว่าคนไทยนิยมทานซูชิมากขึ้น โดยตลาดร้านอาหารประเภทซูชิมีการเติบโตถึง 50 - 60% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

“ผมกล้าพูดได้เลยว่าจากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา แม้ว่าร้านอาหารอื่นๆจะปิดตัวลงไป แต่ที่ร้าน Omi Sushi & Teppan สาขา จ. ลำปาง ไม่เคยหยุดให้บริการ เพราะเรามีการปรับกลยุทธ์ในทุกสถานการณ์ เราบริหารเรื่องค่าใช้จ่าย ต้นทุนในด้านต่างๆ มีระบบการบริหาร จัดการ เน้น 3 หลัก คือ คน ของ และอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจมีกำไรและเป็นที่สนใจ มีลูกค้าหลายท่านที่พยายามติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ตลอด จนในปี 2565 นี้ผมได้ตัดสินใจที่จะแบ่งปันธุรกิจนี้ให้คนที่สนใจได้เข้ามาศึกษา และพูดคุย เพื่อนำแบรนด์ไปพัฒนาต่อในโลเคชั่นที่มีศักยภาพ”

โดยบริษัทปั้นแบรนด์เป็นเงิน มี Franchise ขนาดเล็กในมืออีก 4 แบรนด์ คือ

  • ร้านข้าวหน้า Omi Don
  • ร้าน Omi Ramen
  • ร้าน Beef Buff Teppanyaki

ทั้งสเกลเล็ก สเกลกลางและสเกลใหญ่ ที่มีค่าแฟรนไชส์ในการลงทุนเพียง 39,000 - 590,000 บาท สิ่งที่ผู้ลงทุนจะได้รับคือการวิเคราะห์ทำเลสถานที่ การออกแบบร้านให้ฟรี การสอนภาคทฤษฏีและปฏิบัติการเปิดร้าน การส่งเสริมด้านการตลาด การวางระบบบริหารจัดการภายในร้าน การพัฒนาเมนูใหม่ๆ ให้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ลงทุนมีรายได้จากการลงทุนได้อย่างสูงสุด

และร้านที่ 4 คือ Chocolove ร้านเครื่องดื่มช็อคโกแล็ตเพื่อสุขภาพ เริ่มต้นลงทุนเพียง 38,880 บาท สิ่งที่จะได้รับ คือ สิทธิในการใช้เครื่องหมาย ,การอัพเดทเมนูใหม่, คู่มือการขาย สอนเทคนิคการขาย , การเซ็ทอัพและก่อสร้างร้าน, การส่งเสริมด้านการตลาดอย่างดี นับว่าเป็นแฟรนไชส์ที่ไม่หักเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย ไม่เก็บค่าธรรมเนียมรายปี โอกาสคืนทุนไว กำไรเร็ว เหมาะกับการสร้างอาชีพให้คนที่อยากมีรายได้ในยุคนี้

ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ทางบริษัทเปิดขายแฟรนไชส์ ร้านข้าวหน้า OMI DON (โอมิด้ง) โดยมีเงื่อนไขการขายแฟรนไชส์ ไม่มีการคิดเปอร์เซ็นต์ยอดขาย ไม่คิดส่วนแบ่งกำไร มีให้เลือกสรรถึง 2 แพ็คเกจ คือ

แพ็คเกจที่ 1 ราคา 39,000 บาท (ส่วนลดพิเศษสำหรับ 10 สาขาแรก 10,000 บาทจ่ายเพียง 29,000 บาท) สิ่งที่ได้รับ

  1. ใช้ตราสินค้า (แบรนด์) 5 ปี
  2. คู่มือการทำอาหาร 1 เล่ม
  3. สอนการทำอาหาร 3 - 5 วัน ฟรีที่ศูนย์ฝึกอบรมของบริษัทหรือสอนที่หน้างานจริง (ลูกค้ารับผิดชอบค่าเดินทางและที่พักของผู้สอน)
  4. วัตถุดิบสำหรับฝึกอบรมฟรี (ที่ศูนย์ฝึกอบรมของบริษัท)
  5. เครื่องปรุงและวัตถุดิบมาตรฐานเดียวกัน
  6. ป้ายร้าน 1 ป้าย
  7. ธงญี่ปุ่น 2 ชิ้น
  8. เมนูอาหาร 5 เล่ม
  9. เสื้อพนักงาน 5 ตัว
  10. หมวก 2 ใบ
  11. ผ้ากันเปื้อน 2 ผืน
  12. วัตถุดิบการทำอาหาร มูลค่า  3,500 บาท
  13. สำรวจตลาดเพื่อจัดหาวัตถุดิบ
  14. ให้คำแนะนำด้านการตลาดเพื่อส่งเสริมยอดขาย

แพ็คเกจที่ 2 ราคา 59,000 บาท (ส่วนลดพิเศษสำหรับ 10 สาขาแรก 10,000 บาท คงเหลือ 49,000 บาท) สิ่งที่ได้รับ

  1. ใช้ตราสินค้า (แบรนด์) 10 ปี
  2. คู่มือการทำอาหาร 1 เล่ม
  3. สอนการทำอาหาร 3-5 วันฟรีที่ศูนย์ฝึกอบรมของบริษัทหรือสอนที่หน้างานจริง (ลูกค้ารับผิดชอบค่าเดินทางและที่พักของผู้สอน)
  4. วัตถุดิบสำหรับฝึกอบรมฟรี (ที่ศูนย์ฝึกอบรมของบริษัท)
  5. เครื่องปรุงและวัตถุดิบมาตรฐานเดียวกัน
  6. ป้ายร้าน 1 ป้าย
  7. ธงญี่ปุ่น 5 ชิ้น
  8. เมนูอาหาร 10 เล่ม
  9. เสื้อยืด 10 ตัว
  10. หมวก 5 ใบ
  11. ผ้ากันเปื้อน 5 ผืน
  12. วัตถุดิบการทำอาหาร มูลค่า  7,000 บาท
  13. สำรวจตลาดเพื่อจัดหาวัตถุดิบ
  14. ให้คำแนะนำด้านการตลาดเพื่อส่งเสริมยอดขาย

ส่วนรายการอุปกรณ์ที่ลูกค้าต้องจัดหาเอง คือ

  • สถานที่ตั้งร้าน
  • โต๊ะเก้าอี้
  • ตู้แช่เครื่องดื่ม วัตถุดิบ ผัก เครื่องปรุง
  • อุปกรณ์เครื่องครัว เช่น
    - เตาแก๊ส 2 หัว 2 ตัว
    - กระทะเทปล่อน 2 ใบ
    - หม้อข้าวหน้า 1 ใบ
    - หม้อหุงข้าว 1 ใบ
    - หม้อซุป 1 ใบ
    - ตะหลิว 2 อัน
    - มีด 2 อัน
    - เขียง 2 อัน
    - ตะกร้าใส่ผัก 2 ใบ
    - จาน ช้อน ถ้วยซุป ตะเกียบ
    - กล่องกระดาษทิชชู/กระดาษ

คุณสุรินทร์ ได้ทิ้งท้ายว่า “สำหรับคนที่สนใจ อยากทำธุรกิจอาหารญี่ปุ่นและไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ผมมีระบบการฝึกอบรมตั้งแต่ก่อนเปิดร้านที่บริษัทก็ได้ หรือจะไปหน้างานก็ได้ เราจะประกอบคุณจนกว่าจะทำเป็น พร้อมคำแนะนำด้านการตลาดให้สามารถคืนทุนได้ภายใน 1 - 2 เดือน และมีแผนในการพัฒนาเมนูใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายและสนับสนุนในการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ควบคุมต้นทุนได้”

“ในช่วงปีที่ผ่านมาพฤติกรรมการนิยมทานอาหารญี่ปุ่นของคนต่างจังหวัดมีเพิ่มมากขึ้น การเลือกแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในตลาดที่มีการอบรมและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการทำอาหาร ขั้นตอนการบริหารร้านและส่งเสริมด้านการตลาด ก็มีส่วนสำคัญอันดับต้นๆในการเลือก แต่ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนเองด้วย ควรมีการติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนานสินค้าใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งส่วนนี้ผมจะคอยให้คำปรึกษาและดูแล พร้อมมีทีมงานสนับสนุนให้ทุกคนประสบผลสำเร็จไปด้วยกัน”

ร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมียม OMI SUSHI & TEPPAN พร้อมให้บริการ เรียนเชิญท่านที่สนใจสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอด

หากสนใจสอบถามข้อมูลธุรกิจเพิ่มเติม สามารถติดต่อฝ่ายขายและการตลาดของบริษัทได้ทาง : 062 262 4479 (คุณจุ้ย) หรือ 062 079 2879 (คุณเค)
Facebook : Omi Sushi & Teppan Lampang สาขา 1

Facebook : https://www.facebook.com/Omi-Sushi-Teppan-Lampang-สาขา-1-729244250588491